คือเรื่องมีว่า วันนี้มีคณะแพทย์จาก รพ.สงฆ์ มาตรวจสุขภาพร่างกายฟรี แก่พระภิกษุ ผมคนหนึ่งล่ะที่ไปตรวจตามปกติ พอถึงขั้นตอนการตรวจเลือด หมอก็บอก ขออนุญาตเจาะเลือด แล้วก็มาจับที่มืออาตมา ทำให้อาตมารู้สึกไม่สบายใจเลย แต่เพราะหมอจะทำการตรวจ อาตมาก็ไม่รู้ อีกอย่าง อาตมาก็จะสึกแล้ว เพิ่งไปปริวาสกลับมาด้วย ไม่สบายใจเลย แบบนี้ หมอผู้ชายมี ก็ไม่มาทำ ให้หมอผู้หญิงทำ แต่ตอนหมอมาจับโดนที่มือ ความคิดที่เป็นความวิตกกังวล ก็คิดขึ้นมาว่า เราโดนมือผู้หญิง หมอมาจับมือ คิดแบบไม่ยินดีเลย ไม่น่าตรวจเลย เป็นที่กังวลมากๆ เลย (ปกติ อาตมาเป็นคนที่คิดมากอยู่มากๆ ๆ อยู่แล้ว เลยทำให้รู้สึกคิดมากกว่าปกติเยอะเลย) คือ เลยอยากจะทราบเกี่ยวกับความกำหนัดจับต้องกายหญิง แบบละเอียดหน่อยนะครับ เพื่ออาตมาจะได้ศึกษาให้เข้าใจมากขึ้น ช่วยแนะนำทีนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ มีความละเอียด คือละเอียดลงไปถึงใจที่เป็นสภาพธรรม ที่เป็นนามธรรม ที่ไม่สามารถเห็นด้วยตาเปล่าแต่เห็นด้วยตาปัญญา จึงมีความละเอียดลึกซึ้ง แม้แต่พระภิกษุ การจับต้องกายหญิง หากจับด้วยอำนาจความยินดีพอใจ ติดข้องกําหนัด ย่อมต้องอาบัติสังฆาทิเสส ถ้าพระภิกษุมีความยินดี เอาไม้เท้าไปถูกเสื้อของผู้หญิง หรือกระเป๋า เป็นอาบัติทุกกฏ ถ้าพระภิกษุมีความยินดีเอาไม้เท้าไปถูกเนื้อของผู้หญิงเป็นอาบัติถุลลัจจัย ถ้าพระภิกษุมีความยินดีเอามือไปจับเนื้อตัวผู้หญิงเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ถ้าเสพเมถุนเป็นอาบัติปาราชิก
เพราะฉะนั้น หากไม่มีความยินดี กำหนัด ที่จงใจจะไปจับมือมาตุคาม (ผู้หญิง) ก็ไม่ต้องอาบัติ เพราะไม่มีจิตยินดี จงใจจับต้อง ครับ
ที่สำคัญ ควรหลีกเลี่ยงในการตรวจด้วยผู้หญิง เพราะ จิตไม่แน่นอน กลับกลอก อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ปัญญาและสติที่เจริญขึ้น ย่อมจะทำหน้าที่ระวังและรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ จะแสดงถึงความละเอียดในข้อนี้
อาบัติจากการแตะต้องกายหรือของเนื่องด้วยกายของสตรี [มหาวิภังค์]
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบนมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพ ครับ
ตราบใดที่่ยังไม่สามารถดับกิเลสอะไรๆ ได้เลย ก็จะเป็นผู้ประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลย ถ้าประมาท ไม่สำรวมตามพระวินัยบัญญัติ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ ก็อาจจะทำให้ล่วงละเมิดสิกขาบทต่างๆ ได้ ทั้งหนัก ทั้งเบา และเป็นโทษกับผู้ที่ล่วงละเมิด โดยส่วนเดียว ประเด็นเรื่อง การถูกต้องกายหญิง จะเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ก็ต่อเมื่อ มีความกำหนัดยินดี ที่จะจับต้อง ด้วยความจงใจ มีเจตนาจริงๆ ไม่ใช่การถูกกันโดยบังเอิญ หรือฝ่ายหญิงจับ โดยที่พระภิกษุ ไม่มีความกำหนัดยินดี
จากกรณีของพระคุณเจ้านั้น ถ้าเป็นไปได้ ก็อาจจะแนะนำว่า ขอเป็นหมอผู้ชายหรือถ้ายังไม่มา ก็อาจจะรอก่อนก็ได้ จนกว่าหมอผู้ชายจะมา เพื่อเป็นการรักษาจิตของตนเอง เป็นสำคัญ ครับ
การได้ศึกษาพระวินัย ในแต่ละสิกขาบท ให้เข้าใจ ย่อมเกื้อกูลได้มากทีเดียว ที่จะทำให้ได้รู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ผิด อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ละเว้น ไม่กระทำในสิ่งที่ผิด และ เพื่อที่จะได้น้อมประพฤติเฉพาะ ในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ....
พระวินัยบัญญัติไว้ ถ้ามาตุคามมาถูกต้องพระภิกษุ แต่พระภิกษุรูปนั้น ไม่มีความยินดีในสัมผัสของผู้หญิง ก็ไม่เป็นอาบัติ แต่ถ้ามีความยินดี ในสัมผัสของผู้หญิงที่มาถูกต้อง ต้องอาบัติ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ถ้าไม่เห็นมาตุคามก็จะดี แต่ถ้าจำเป็นต้องเห็น ก็อย่าพูดกับมาตุคาม ถ้าจําเป็นต้ัองพูดกับมาตุคามก็ให้มีสติ คือสำรวมระวัง ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นเรื่องของนามธรรมที่กลับไปมาจริงๆ ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ