เท่านั้นครับ ที่จะติดตามเราไปได้
ผมมีความเข้าใจว่า การอบรม ศึกษาพระธรรม เพื่อให้เรามีความเห็นที่ถูกต้อง ในพระธรรม เข้าใจในความเป็นอนัตตาของธรรมทั้งปวง เป็นมหากุศลจิตที่จะให้กุศลวิบากใด้ และการเจริญอบรมปัญญานี้ จะเป็นเหตุปัจจัย สั่งสมนิสัย การฟังธรรม ไปในชาติหน้าได้ด้วย ดังนั้น ความตายจึงไม่ใช่จุดจบของมนุษย์เลยครับ ไม่ทราบว่าท่านสาธุชน มีความเห็นเช่นไรบ้างครับ
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิต ท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยครับ ผมฟังก่อนนอน ทุกคืนครับ
ความตาย มี ๓ อย่าง
๑. ขณิกมรณะ ตายอยู่ทุกขณะจิต
๒. สมมติมรณะ การตายโดยสมมติ
๓. สมุจเฉทมรณะ การตายโดยไม่เกิดอีกเลย ได้แก่ จุติของพระอรหันต์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ความตาย ไม่ใช่จุดจบของชีวิตสำหรับบุคลที่ยังมีกิเลส ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็คือ จิตที่เกิดดับสืบต่อกันจากจุติจิต (ตาย) ก็ไปเป็นปฏิสนธิจิต (เกิด) แต่สภาพธรรมที่เป็นจิต เป็นสภาพธรรมที่สะสม สะสมทั้งในฝ่ายดีและไม่ดี ทั้งความเห็นถูกและความเห็นผิด
ดังนั้น เมื่อยังไม่ตาย (สมมติมรณะ) ก็เป็นโอกาสที่จะได้อบรมปัญญา ให้เกิดความเข้าใจถูกมากขึ้นในพระธรรม พร้อมๆ กับทำที่พึ่งเสบียงทาง คือการเจริญกุศลทุกประการ เพราะหนทาง ยังอีกยาวไกลครับ ตายเหมือนกัน แต่ก่อนตาย อบรมสะสมอะไรไป ตามความเข้าใจและสิ่งที่สะสมมา ขออนุโมทนาครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
การศึกษาธรรม เพื่อ ละ ความไม่รู้ ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือสภาพธรรมที่ปรากฏ ในขณะนี้ ไม่ใช่ขณะอื่นใด รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏในขณะนี้ ส่วนใหญ่จิตคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาแล้ว และที่ยังไม่เกิด สติสัมปชัญญะ ที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงจึงไม่เกิดขึ้น จึงต้องฟัง สะสมความเข้าใจถูกที่ละน้อยเหมือนการจับด้ามมีด เร็วไม่ได้ ครับ ไม่มีเรา มีแต่สภาพธรรม ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านครับ
เมื่อยังมีชีวิต ก็ไม่ควรประมาท ควรเจริญกุศล และประพฤติตนเหมือนคนที่ศีรษะกำลังไหม้ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น และให้ความรู้แลกเปลี่ยนกันครับ