คลายความยึดติด...ทำอย่างไรดีครับ
โดย suppermarcro  29 ต.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 25698

คุณยายของผม ทำบุญไม่ขาด ไปวัดประจำ แต่ความโลภ โกรธ หลง มิได้ลดไปมากเลย ผมไม่รู้จะช่วยคุณยายได้ยังไง คงทำลำบาก มีเหตุการณ์ เพื่อนต่างวัยที่มานั่งคุย ลักเงินไป แต่คุณยายไม่เชื่อ ยังติดใจว่าร้ายพี่สะใภ้ที่ไม่ชอบเป็นทุนเดิม ทุกวันนี้พี่สะใภ้ก็มักเครียด

ตอนนี้คุณยาย ก็ยังนั่งคุยกับเพื่อนสนิทต่างวัยที่มาคุย และยังชอบพูด หมามันเอาเงินไป เดี๋ยวไม่ให้มันอยู่บ้าง หมาในบ้านมันเอาเงินไปบ้าง เจอใคร ไปวัดก็ยังจะพูดเงินหาย ทั้งที่มันหลายเดือนแล้ว

แม่ว่าเรื่องอารมณ์แก้ยาก เพราะคุณยายไม่เข้าใจธรรมะ ไม่ปล่อยว่าง แม้วัย 90 แล้ว ติดแต่ทำบุญ ทำทาน

ผมจะลงทุนติดวงจรปิด แล้วเอาเงินมาล่อ แจ้งจับก็คดีแพ่ง หรือจะปล่อยไปตามกรรม บอกคุณยายกันแล้ว คุณยายก็ไม่เชื่อ เชื่อเพื่อนที่มาคุยว่าเค้ามีเงิน เค้าไม่เอาครับ

ขอบคุณครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 29 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ทั้งตัวท่านเองและคุณยาย ต่างก็มีกรรมเป็นของๆ ตน การจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับการสะสมจิตใจมาในขณะนั้น ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย การที่จะทำให้คนอื่นเชื่อ โดยที่เขาไม่รับฟัง ย่อมจะเกิดอกุศลทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น เมื่อคุณยายได้พบเหตุการณ์ข้างหน้าในวันใดวันหนึ่ง ก็ย่อมจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ เพราะฉะนั้น ยิ่งบังคับด้วยความต้องการ ก็ย่อมเป็นทุกข์ด้วยโทสะในขณะนั้นมากขึ้น ควรที่จะเข้าใจคุณยายว่าแต่ละคนก็แต่ละหนึ่งเปลี่ยนใครไม่ได้เลย

ที่สำคัญเมื่อรู้ว่าทุกข์ ความยึดถือมาจากกิเลส ก็ควรที่จะอบรมปัญญาศึกษาพระธรรมเห็นคุณค่าของธรรม มิใช่เพียงทุกข์และหาคำตอบ ก็เลยผ่านพระธรรมไปครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 29 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่มีตัวตนที่่ไปทำอะไร แต่ควรที่จะเป็นเรื่องของการได้เข้าใจความจริง คือ ความเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แต่คนที่เกิดมา ไม่พ้นจากทุกข์ ทุกข์กาย ก็มี เป็นเรื่องของผลของอกุศลกรรม แต่ที่ยากจะพ้นนั้นก็คือ ทุกข์ใจ ทุกข์เพราะกิเลสของตนเอง ที่เกิดขึ้นเป็นไป และส่วนใหญ่ก็จะมุ่งไปที่คนอื่นทำให้ตนเองเป็นทุกข์เดือดร้อน ไม่สบายใจ แต่ความจริงแล้ว เป็นเพราะกิเลสของตนเอง ดังนั้น เมื่อชีวิตยังเป็นไปอยู่ ก็จะต้องสะสมสิ่งที่ดี ฟังพระธรรมให้เข้าใจ ขณะที่เข้าใจ ไม่เดือดร้อน ไม่ทุกข์ใจ และทำในสิ่งที่ควรทำเท่าที่จะเป็นไปได้ ตามกำลังความสามารถของตนเอง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 29 ต.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย papon  วันที่ 30 ต.ค. 2557

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย แต้ม  วันที่ 4 ก.พ. 2558

ถ้าได้ศึกษาพระธรรมบ่อยๆ และพิจารณามากๆ จะเข้าใจครับ ว่านั่นคือเหตุและปัจจัย ถึงแม้ว่าเราจะพยายามอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถให้เป็นไปตามที่เราจะให้เป็นตามที่ต้องการได้ เราอาจจะเกิดโทสะเองก็ได้ เมื่อเราทำอย่างเต็มที่แล้ว ก็พอแล้ว ให้ใช้อุเบกขาครับแล้วจะสบายใจ ปล่อยให้เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยเองนะครับ เพื่อนของผมขนาดผมนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาอธิบายให้ฟัง ยังไม่ค่อยสนใจเลย สนใจแต่เพียงว่า "ละชั่ว ทำดี และทำจิตใจให้ผ่องใส" แค่นี้ก็บอกว่าพอแล้ว ถ้าหากรู้เพียงแค่นี้แล้วไม่ศึกษาพระธรรมเพิ่มเติม ก็มีโอกาสที่จะเข้าใจผิดก็ได้ เช่น การทำดีนั้น คนส่วนมากทำดีเพื่อหวังจะให้ได้ผลดีในทางโลกียสุข ฉะนั้นจึงควรศึกษาพระธรรมให้มากขึ้นนะครับ

ขออนุโมทนาครับ