พระโสดาบันละสังโยชน์ได้ ๕ คืออย่างไร และสังโยชน์ ๑๐ นั้นไม่เกิดต่อไป นั้นคืออย่างไร
ขอบคุณค่ะ
พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลขั้นแรก ท่านดับกิเลสได้บางอย่าง กิเลสบางอย่างต้องละด้วยปัญญาขั้นพระอนาคามี หรือปัญญาขั้นพระอรหันต์ ฉะนั้น เมื่อแสดงกิเลสโดยนัยสังโยชน์ ๑๐ (พระสูตร) พระโสดาบันละสังโยชน์ได้ ๕ คือทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส อิสสา และมัจฉริยะ ส่วนมานะ ละได้ด้วยปัญญาขั้นพระอรหันต์ พระโสดาบันละมานะที่ไม่ตรงตามเป็นจริงเท่านั้น
[เล่มที่ 14] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 330
ถามว่า สังโยชน์ ๑๐ นั้นไม่เกิดต่อไป เพราะเหตุใด
ตอบว่า ก่อนอื่น สังโยชน์ ๕ คือทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส อิสสาและมัจฉริยะ ไม่เกิดต่อไป ด้วยโสดาปัตติมรรค สังโยชน์ ๒ คือ กามราคะ ปฏิฆะอย่างหยาบ ไม่เกิดต่อไปด้วยสกทาคามิมรรค. สังโยชน์ ๒ คือกามราคะ ปฏิฆะอย่างละเอียด ไม่เกิดต่อไปด้วยอนาคามิมรรค สังโยชน์ ๓ คือ มานะ ภวราคะและอวิชชา ไม่เกิดต่อไปด้วยอรหัตตมรรค
อนุโมทนาค่ะ แล้วกามราคะกับภวราคะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างคะ
กามราคะ หมายถึง ความพอใจติดข้องในกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ภวราคะ หมายถึง ความยินดีพอใจในภพ ความมี ความเป็นหรือการเกิดขึ้นเป็นบุคคลในภพต่างๆ
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
พระโสดาบันละความเห็นผิดและความสงสัยได้แต่ละมานะยังไม่ได้ครับ
ขออนุโมทนา
พระโสดาบันละวิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และในสภาพธรรมทั้งหลาย ท่านละความเห็นผิด และในข้อประพฤติปฏิบัติผิด ท่านก็ละได้หมด ละความความตระหนี่ ๕ อย่าง คือ ตระหนี่ลาภ ตระหนี่คำสรรเสริญ ตระหนี่ที่อยู่ ตระหนี่ตระกูล ตระหนี่ธรรมะ
นอกจากนี้ พระโสดาบันท่านยังละอคติ ๔ ได้อีกด้วย รวมทั้งกิเลสที่เป็นเหตุให้ไปสู่อบายภูมิ
โสดาบัน ผู้ถึงกระแสที่จะนำไปสู่นิพพาน, พระอริยบุคคลผู้ได้บรรลุโสดาปัตติผล มี ๓ ประเภท คือ ๑. เอกพีซี เกิดอีกครั้งเดียว ๒. โกลังโกละ เกิดอีก ๒-๓ ครั้ง ๓. สัตตักขัตตุปรมะ เกิดอีก ๗ ครั้ง เป็นอย่างมาก
๑.) โสดาปัตติมรรคบุคคล คือ บุคคลในขณะที่มรรคจิตเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่เรียกว่า โสดาปัตติมรรคจิตโสดาปัตติมรรคบุคคลนี้นับเป็นอริยบุคคลขั้นแรก และได้ชื่อว่าเป็นผู้หยั่งลงสู่กระแสพระนิพพานแล้ว มรรคจิตในขั้นนี้จะทำลายกิเลสได้ดังนี้คือ
(ในที่นี้จะใช้สัญโยชน์ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการแบ่งประเภทของกิเลส เป็นหลักในการอธิบาย - ดูเรื่องสัญโยชน์ ๑๐ ประกอบ)
- สักกายทิฏฐิ
- วิจิกิจฉา
- สีลพตปรามาส
รวมทั้งโลภะ (ความโลภ) โทสะ (ความโกรธ, ขัดเคืองใจ, กังวลใจ, เครียด, กลัว) โมหะ (ความหลง คือไม่รู้ธรรมชาติที่แท้จริงของสรรพสิ่ง) ในขั้นหยาบอื่นๆ อันจะเป็นผลให้ต้องไปเกิดในอบายภูมิ (เดรัจฉาน, เปรต, อสุรกาย, นรก) ด้วย
๒.) โสดาปัตติผลบุคคล หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโสดาบัน คือผู้ที่ผ่านโสดาปัตติมรรคมาแล้ว
คุณสมบัติที่สำคัญของโสดาบันก็คือ
- พ้นจากอบายภูมิตลอดไป คือ จะไม่ไปเกิดในอบายภูมิอีกเลย เพราะจิตใจมีความประณีตเกินกว่าที่จะไปเกิดในภูมิเหล่านั้นได้ (ใครจะไปเกิดในภูมิใดนั้น ขึ้นกับสภาพจิตตอนใกล้ตายที่เรียกว่ามรณาสันนวิถี ถ้าขณะนั้นจิตมีสภาพเป็นอย่างไร ก็จะส่งผลให้ไปเกิดใหม่ในภูมิที่มีสภาพใกล้เคียงกับสภาพจิตนั้นมากที่สุด)
- อีกไม่เกิน ๗ ชาติจะบรรลุเป็นพระอรหันต์
- มีศรัทธาในพระรัตนตรัยอย่างมั่นคง ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน จะไม่คิดเปลี่ยนศาสนาอีกเลย
- มีศีล ๕ บริบูรณ์ (ไม่ใช่แค่บริสุทธิ์) คือ ความบริสุทธิ์ของศีลนั้นเกิดจากความบริสุทธ์/ความประณีตของจิตใจจริงๆ ไม่ใช่ใจอยากทำผิดศีล แต่สามารถข่มใจไว้ได้ คือ ใจสะอาดจนเกินกว่าจะทำผิดศีลห้าได้
๑. เคารพพระพุทธเจ้า
๒. เคารพพระธรรม
๓. เคารพพระอริยสงฆ์
๔. มีศีล ๕ บริสุทธิ์
องค์โสดาบันมีแค่นี้
อนุโมทนาค่ะ
สาธุ
พระโสดาบันละมานะที่ไม่ตรงตามเป็นจริงเท่านั้น
มานะที่ไม่ตรงตามความเป็นจริงเป็นอย่างไรครับ?
-ขอความอนุเคราะห์จากท่านผู้รู้ด้วยครับ-
ขอบพระคุณครับ
มานะที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่น ตนเองมีคุณธรรม ทรัพย์หรือชาติ ต่ำกว่าเขา แต่สำคัญตนว่า มีคุณธรรม มีทรัพย์ มีชาติตระกูล เป็นต้น สูงกว่าเขา
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ