•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
ในวันเสาร์ที่ ๒ เม.ย. ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
ปฐมสมิทธิสูตร
(ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่ามาร)
ทุติยสมิทธิสูตร
(ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าสัตว์)
ตติยสมิทธิสูตร
(ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าทุกข์)
และ
จตุตถสมิทธิสูตร
(ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าโลก)
...จาก...
[เล่มที่ 28] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่มที่ ๒๘ - หน้าที่ 72 - 74
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มี.ค. ๒๕๕๔)
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
[เล่มที่ 28] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่มที่ ๒๘ - หน้าที่ 72 - 74
ปฐมสมิทธิสูตร (ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่ามาร)
[๗๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน กรุงราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ท่านพระสมิทธิ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า มาร มาร ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไร พระเจ้าข้า จึงเป็นมารหรือการบัญญัติว่ามาร. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนสมิทธิ จักษุ รูป จักษุวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็มีอยู่ ณ ที่นั้น, หู เสียง โสตวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยโสตวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็มีอยู่ ณ ที่นั้น, จมูก กลิ่น ฆานวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น, ลิ้น รส ชิวหาวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหาวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็มีอยู่ ณ ที่นั้น, กายโผฏฐัพพะ กายวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยกายวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็มีอยู่ ณ ที่นั้น, ใจ ธรรม มโนวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น.
[๗๒] ดูก่อนสมิทธิ จักษุ รูป จักษุวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณไม่มี ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็ไม่มี ณ ที่นั้น ฯลฯ ใจ ธรรม มโนวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณ ไม่มี ณ ที่ใดมารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็ไม่มี ณ ที่นั้น.
จบ ปฐมสมิทธิสูตรที่ ๓.
๔. ทุติยสมิทธิสูตร (ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าสัตว์)
[๗๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า สัตว์ สัตว์ ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไร พระเจ้าข้า จึงเป็นสัตว์หรือบัญญัติว่าสัตว์ ฯลฯ.
จบ ทุติยสมิทธิสูตรที่ ๔.
๕. ตติยสมิทธิสูตร (ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าทุกข์)
[๗๔] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า ทุกข์ ทุกข์ ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไร พระเจ้าข้า จึงเป็นทุกข์ หรือบัญญัติว่าทุกข์ ฯลฯ.
จบ ตติยสมิทธิสูตรที่ ๕.
อรรถกถาสมิทธิสูตรที่ ๓ - ๕
ใน สมิทธิสูตรที่ ๓ ถึง ๕
มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า สมิทฺธิ ความว่า ได้ชื่ออย่างนี้เพราะมีอัตภาพบริบูรณ์. เล่ากันว่า พระเถระนั้น มีอัตภาพงามน่าเลื่อมใส บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง เหมือนพวงมาลาที่แขวนไว้ เหมือนห้องมาลาที่ตกแต่งไว้ ฉะนั้น จึงชื่อว่า สมิทธิ นั่นแล.
ด้วยบทว่า มาโร ท่านพระสมิทธิ ถามถึงความตาย. คำว่า มาร ในคำว่า มารปญฺตฺติ เป็นนามบัญญัติ เป็นนามไธย (ชื่อ) .
ในบทว่า อตฺถิ ตตฺถ มโร วา มารปญฺตฺติ วา นั้น
บทว่า มรณ วา มรณ นี้ ท่านแสดงว่า นามมีอยู่.
สูตรที่ ๔ ง่ายทั้งนั้น.
สูตรที่ ๕ ก็เหมือนกัน.
จบ อรรถกถาสมิทธิสูตรที่ ๓ – ๕.
๖. จตุตถสมิทธิสูตร (ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าโลก)
[๗๕ ] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า โลก โลก ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรจึงเป็นโลกหรือบัญญัติว่าโลก. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนสมิทธิ จักษุ รูป จักษุวิญญาณ ธรรมที่พึงจะรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด โลกหรือการบัญญัติว่าโลก ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น ฯลฯ ใจ ธรรม มโนวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด โลกหรือการบัญญัติว่าโลก ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น
[๗๖] ดูก่อนสมิทธิ จักษุ รูป จักษุวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณไม่มี ณ ที่ใด โลกหรือการบัญญัติว่าโลก ก็ไม่มี ณ ที่นั้น ฯลฯ ใจ ธรรม มโนวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณ ไม่มี ณ ที่ใด โลกหรือการบัญญัติว่าโลก ก็ไม่มี ณ ที่นั้น.
จบ จตุตถสมิทธิสูตรที่ ๖.
อรรถกถาสมิทธิสูตรที่ ๖
ในสมิทธิสูตรที่ ๖ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า โลโก ความว่า ที่ชื่อว่า โลก เพราะอรรถว่า แตกทำลาย. ในสูตรทั้ง ๕ ตั้งแต่สูตรที่พระมิคชาลเถระอาราธนา ตรัสเฉพาะวัฏฏะและวิวัฏฏะเท่านั้น ด้วยประการฉะนี้.
จบ อรรถกถาสมิทธิสูตรที่ ๖.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป (รวม)
ปฐมสมิทธิสูตร ถึง จตุตถสมิทธิสูตร (ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่ามาร สัตว์ ทุกข์ และ โลก)
พระสมิทธิ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลถามถึงเหตุที่ทรงบัญญัติว่ามาร เหตุที่ทรงบัญญัติว่า สัตว์ เหตุที่ทรงบัญญัติว่า ทุกข์ และ เหตุที่ทรงบัญญัติว่า โลก ตามลำดับ พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสตอบว่า เพราะมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มี รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรม และ มีจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์เหล่านั้น พร้อมกับธรรมที่เกิดร่วมด้วย (เจตสิก) อยู่ ณ ที่ใด การบัญญัติว่า มาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น การบัญญัติว่า สัตว์ ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น การบัญญัติว่า ทุกข์ ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น และ การบัญญัติว่า โลก ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น ถ้าไม่มีตา หู จมูก ฯลฯ ก็ไม่มีการบัญญัติว่ามาร สัตว์ ทุกข์ และ โลก.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ
ขณิกมรณะ
ไม่รู้จักโลก ไม่เห็นโลก ก็ต้องอยู่ในโลกต่อไป
ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โลกจะปรากฏไม่ได้
ไม่รู้จักโลกก็พ้นโลกไม่ได้
โลกว่างเปล่า
ทุกข์เท่านั้น [วชิราสูตร]
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุก ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ