เมื่อผมได้ฟังเรื่องปฏิจจสมุปบาทแล้วก็มีความสงสัยครับที่ว่า
อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขารซึ่งเป็นเจตนาเจตสิก เป็นกรรมที่จะทำให้เกิดวิญญาณ คือปฏิสนธิจิต พระอรหันต์เท่านั้น ดับอวิชชาได้เป็นสมุจเฉท จึงดับกรรมดับธรรมะฝ่ายเกิด ดับสงสารวัฏฏ์ได้ แต่ว่ามหากุศลที่จะทำให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิ ก็มีกุศลจิตที่เป็นญาณสัมปยุตถึง 4 ดวง กุศลกรรมและอกุศลกรรมที่เกิดเพราะอวิชชา กรรมเหล่านั้นเป็นสังขารที่เป็นปัจจัยในทางฝ่ายเกิด (มิจฉาปฏิปทา) ไม่ใช่ทางฝ่ายดับ (สัมมาปฏิปทา) แต่ในขณะที่เกิดความไม่ติดข้องในรูป เห็นความไม่ใช่สัตว์ บุคคล เห็นความไม่มีสาระของรูปธรรม นามธรรมแล้วให้ทาน เป็นมหากุศลญาณสัมปยุตประกอบด้วยปัญญา แต่ก็ยังเป็นกรรมที่ทำให้มีการปฏิสนธิอีกหรือครับ?
(ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็น ขอบคุณครับ)
ควรทราบว่าสัมมาปฏิปทาโดยตรงจริงๆ ท่านมุ่งหมายเฉพาะขณะมรรคเกิดขึ้น ทำกิจ ดับกิเลสเป็นสมุจเฉท ไม่มีผลเกิดขึ้นเป็นไปในวัฏฏะอีกเลย ส่วนโลกียกุศล คือมหากุศลและมหัคคตกุศล ย่อมยังวิบากจิตให้เกิดขึ้นในสังสารวัฏฏ์อีก อนึ่งเป็นการแสดงโดยรวมว่าเป็นโลกียกุศล แต่ถ้าจะแยกโดยละเอียดก็คือ โลกียกุศลที่เป็นไปในฝ่ายวัฏฏะก็มี ที่เป็นฝ่ายวิวัฏฏะก็มี ได้แก่กุศลขั้นบารมีทั้งหลายและสติปัฏฐาน เป็นต้น เป็นโลกียกุศลฝ่ายวิวัฏฏะ แต่กุศลเหล่านี้ ย่อมทำให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิเพื่อสะสมอบรมบารมีเพื่อการไม่เกิดอีก ถึงแม้ว่าจะมีกุศลที่ทำให้นำปฏิสนธิอีก แต่นับเนื่องในกุศลเพื่อวิวัฏฏะ เพราะการจะถึงกุศลขั้นโลกุตระได้ต้องอาศัยกุศลขั้นโลกียะ ที่สะสมอบรมจนมีกำลังมากขึ้นครับ
ขณะที่เจริญกุศลถ้าเป็นไปเพื่อวัฏฏะ คือการเกิดในสวรรค์ ก็เป็นมิจฉาปฏิปทา แต่ถ้า เจริญกุศลทุกอย่างเพื่อออกจากวัฏฏะก็เป็นสัมมาปฏิปทา เช่น การเจริญสติปัฏฐานค่ะ
เข้าใจเพิ่มขึ้นมากเลยครับ ขอบคุณมากครับ และขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
กุศลขั้นบารมีทั้งหลาย และสติปัฏฐาน เป็นต้น เป็นโลกียกุศลฝ่ายวิวัฏฏะ แต่กุศลเหล่านี้ ย่อมทำให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิเพื่อสะสมอบรมบารมีเพื่อการไม่เกิดอีก
ขออนุโมทนาท่านอาจารย์ prachern.s
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาครับ