ขณะที่เป็นผลของกรรม เริ่มตั้งแต่ขณะแรก คือ
ขณะปฏิสนธิ ซึ่งเลือกไม่ได้เลย ไม่มีใครเลือกเกิดได้ ไม่มีใครเลือกบิดามารดา วงศาคณาญาติหรือสกุลสูงต่ำได้เลยว่าจะเกิดในสกุลใด มีโภคสมบัติมากน้อยเพียงใด เพราะขณะปฏิสนธินั้น เป็นวิบากจิต คือเป็นผลของกรรม จิตที่ปฏิสนธิเป็นวิบากจิต วิบากจิตไม่ใช่กรรม วิบากจิตเป็นจิตที่เกิดขึ้น เพราะกรรมเป็นเหตุ วิบากจิตจึงเป็นผลของกรรม
เมื่อปฏิสนธิแล้วก็เจริญเติบโต มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น ซึ่งใครก็สร้างไม่ได้ แต่กรรม เป็นปัจจัยให้เกิดขึ้น กรรมเป็นปัจจัยให้เกิดจักขุปสาท โสตปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท ซึ่งเป็นรูปที่กระทบสี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และวิบากจิตก็เกิดขึ้นรู้อารมณ์นั้นๆ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย นี่คือ จิตที่เป็นผลของกรรมหลังจากเกิดแล้ว
ขณะใดเห็นสิ่งที่ดี ก็เป็นผลของกุศลกรรม ขณะใดเห็นสิ่งที่ไม่ดี ก็เป็นผลของอกุศลกรรม
ฉะนั้น ไม่ว่าบุคคลใด ชาติตระกูลใด ก็มีกรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นเหตุให้เห็นสิ่งที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง มากน้อยต่างกันตามกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว คนที่ยากจนก็มีโอกาสเห็นสิ่งดีๆ ได้ยินเสียงที่ดีๆ ได้กลิ่น ได้รสที่ดีๆ เพราะมีกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้กุศลวิบากนั้นๆ เกิดขึ้น คนที่เป็นเศรษฐีมั่งมีนั้น เป็นผลของบุญกุศลที่ทำให้มั่งมี แต่ไม่ใช่ว่าจะมีจิตที่เป็นผลของกรรมดีตลอดเวลา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณบ้านธัมมะมากครับ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณและขออนุโมทนา ค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ