ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ขอเรียนถามนะคะ จากข้อความที่ว่า
ขณะนี้ ฟัง เพื่อเข้าใจ ฐานะของตนเอง ว่า สะสมมาหรือไม่
เพราะ พุทธศาสน์ ไม่ใช่ วิชาการ ที่เป็นศาสตร์ทั้งหลาย
๑. ขออรรถาธิบาย ทั้งหมดของข้อความนี้ และ ความหมาย ของ "ฐานะของตนเอง" , "พุทธศาสน์" / "พุทธศาสตร์" ในที่นี้คงจะหมายด้วยว่า ไม่มีพุทธศาสตร์ ใช่ไหมคะ
๒. พอจะทราบไหมคะว่า ชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หมายความว่าอย่างไร เกี่ยวข้องกับ สิ่งที่มีจริง เป็นจริง ที่กำลังปรากฏทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ อย่างไร หรือไม่
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาสำหรับคำอธิบาย และกุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ
ด้วยความเคารพ จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี (ใหญ่ราชบุรี)
พฤหัสบดี ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะเส็ง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
๑. ขออรรถาธิบาย ทั้งหมดของข้อความนี้ และ ความหมาย ของ "ฐานะของตนเอง" และ "พุทธศาสตร์" ในที่นี้คงจะหมายด้วยว่า ไม่มีพุทธศาสตร์ ใช่ไหมคะ
@ ศาสตร์ทั้งหลาย ที่เป็นวิชาทางโลก เมื่อเiuยนแล้วก็ลืม เพราะ ไม่ใช่การสะสม ปัญญา ความเข้าใจ ที่เป็นปัญญา ที่เกิดจาก การฟังพระTรรมที่ถูกต้อง ดังนั้น ขณะ นี้ ฟังเพื่อเข้าใจฐานะของตนเอง ว่า สะสมมาหรือไม่ ก็เป็นการแสดงว่า เมื่อมการเริ่ม ฟังพระธรรม มีการเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ในสมัยพุทธกาล เพียงได้ยินคำสั้นๆ ก็ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ นี่แสดงถึง การสะสมมาแล้ว ที่สะสมมามาก ก็เป็นการู้ฐานะของตนเอง ตามควาเมป็นจริงแล้ว ว่าสะสมมามากนั่นเอง ฉันใด ผู้ที่ฟังพระธรรมในขณะนี้ เมื่อฟังแล้ว เข้าใจมาก หรือ เข้าใจน้อย นั่นก็แสดงว่า พึงรู้จักฐานะของตนเองว่า สะสมมาหรือไม่ คือ สะสมความเข้าใจพระรรมมากมา หรือ น้อย แค่ไหน หรือไม่อย่างไร ถ้าฟังแล้วก็เข้าใจไม่มาก ก็แสดงว่า ก็ต้องรู้ ฐานะของตนเอง ว่าสะสมมาน้อย คือ สะสมความเข้าใจมาน้อย ครับ
เพราะฉะนั้น พุทธศาสน์ คือ วิชา ที่หมายถึง ความรู้ ในพระพุทธศาสนา เป็น วา ที่นำมาซึ่ง ความเห็นถูก สำหรับผู้ที่อ่าน ศึกษาพระธรรมอย่างถูกต้อง เมื่อมีความเข้าใจถูก ย่อมจะสะสมปัญญาต่อไปในภพหน้า ทำให้รู้ว่า ชาตินี้ สะสมมามากน้อยแค่ไหน ต่างกับ ศาสตร์ทั้งหลาย ที่เป็น ศาสตร์ ทีเกิดจากความคิดนึกของปุถุชน ที่ไม่ใช่ สัจจะความจริง จึงกล่าวได้ว่า ไม่ใช่ศาสตร์ที่เป็น วิชชา ที่นำมาซึ่ง ปัญญา แต่ เป็นศาสตร์ที่เป็น อวิชชา ความไม่รู้ เพราะ ไม่ทำให้เห็นสภพธรรมตามความเป็น จริง ดังนั้น ก็ไม่ได้แสดงถึงการสะสมมา เพราะ เป็นการสะสมอวิชชา ความไม่รู้ ในการเรียนวิชาการ ศาสตร์ทางโลกแตกต่างจาก พุทธศาสน์ ทีเป็น ความรู้ที่ถูกต้อง เป็นวิชชา และ สะสมต่อไป และ เป็นศาสน์ที่ละกิเลส ดับทุกข์สิ้นเชิง และ ผู้รู้ ค้นพบ ศาสตร์นี้ ที่เป้นพุทธศาสน์ ก็ต้องเป็นพะรสัมมาสัมพุทธเจ้า และ แสดง พระธรรมตามควาเมป้นจริง ให้กับผุ้ที่สะสมปัญญาได้เข้าใจ ครับ ดังนั้น การศึกษา พระธรรม จึงไม่ใช่เป็นเรื่องของพยัญชนะ เพียงอย่างเดียว แต่ ต้องเข้าใจอรรถให้ถูก ต้อง ก็จะเข้าใจองค์รวมในเรื่องอื่นๆ ครับ
๒. พอจะทราบไหมคะว่า ชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หมายความว่าอย่างไร เกี่ยวข้องกับ สิ่งที่มีจริง เป็นจริง ที่กำลังปรากฏทางตา หูจมูกลิ้นกายใจ อย่างไร หรือไม่
@ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นชื่อ ที่ตั้งขึ้น ที่ไม่เกี่ยวกับ การรู้ความจริงของ สภาพธรรมทีเป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ แต่เป็นการตั้งขึ้น ซึ่งชื่อเดิม รวม คำว่า การเมืองด้วย เป็น ศาสตร์ วิชา ธรรมศาสตร์ ที่เป็นวิชาที่เกียวกับการเมือง ซึ่งเป็นวิชาในอดีตของ อินเดีย ทีเกี่ยวกับกฎหมาย การเมือง จึงมาตั้งชื่อ ใน มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ที่แสดงถึง การศึกษาวิชาเกี่ยวกับการเมือง ครับ เพราะฉะนั้น ศาสตร์ที่เ็ป็นธรรมศาตร์ วิชา วิชชา ความรู้ ปัญญาที่แท้จริง คือ การเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงะรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้นเป็น วิชชา คือ ปัญญาทีเห็นความจริงของสภาพธรรม และ ย่อมละ คลาย กิเลส จนถึงการดับทุกข์ได้หมดสิ้น โดยมีพระพุทธเจ้าทรงค้นพบ และ ทรงแสดง กับ เหล่าสาวกให้รู้ตาม ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริงคือคำสอนของพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า คำสอนใดก็ตามที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเข้าใจสภาพธรรม ที่มีจริงๆ ในขณะนี้นั่นไม่ใช่ พระพุทธศาสนา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระมหากรุณาต่อสัตว์โลกทั้งปวงเมื่อพระองค์ทรง ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทรงแสดงพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้โปรดสัตว์ โลก ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ทรงพร่ำสอนอยู่บ่อยๆ เนืองๆ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะความเข้าใจธรรม เข้าใจในสิ่งที่มีจริงนั้น เป็นประโยชน์มาก พระบารมีที่ พระองค์ทรงบำเพ็ญมา ก็เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก ให้มีความเข้าใจสภาพ ธรรมตามความเป็นจริง พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตาม จนกระทั่งถึงความเป็น ผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าพระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่ก็ยังมีพระธรรมวินัย เป็นศาสดาแทนพระองค์ ซึ่งพระธรรมจะไม่มีวันสูญหายไป จากใจของผู้ได้ฟังได้ศึกษาและมีความเข้าใจอย่างถูกต้อง และในยุคนี้สมัยนี้ เป็นยุคที่พระธรรมยังดำรงอยู่ จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ศึกษา เพราะยังไม่รู้ ก็จะต้องศึกษา เพื่อจะได้รู้ ได้สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ต่อไป
สิ่งที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริงในชีวิต คือ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่ง จะทำให้ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษา มีความเข้าใจตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อการเจริญขึ้น ของปัญญา เพื่อขัดเกลากิเลสจนหมดสิ้น ถ้าไม่ได้อาศัยพระธรรม ไม่มีการอบรม เจริญปัญญา ไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้ความประพฤติ เป็นไปในชีวิตประจำวัน ที่ไม่ตรงตามพระธรรมคำสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เกิดขึ้นมาก [มีมาก] ล้วนเป็นไปด้วยอำนาจของอกุศลประการต่างๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะ อย่างยิ่งคือความเห็นผิด ดังนั้น จึงต้องเริ่มสะสม อบรมเจริญปัญญา ด้วยตนเอง เห็นประโยชน์สูงสุดของปัญญาเพิ่มพูนความเข้าใจถูก เห็นถูกขึ้น ไปตามลำดับ ประการที่สำคัญ พระพุทธศาสนา หมายถึง คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ ฟัง ไม่ศึกษาแล้ว จะเข้าใจได้อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง และ ฟังแล้ว ฐานะของตนเองสามารถรองรับพระธรรมได้แค่ไหน เพราะเข้าใจแค่ไหน ก็แค่นั้น เพราะเหตุว่าจะให้เข้าใจธรรมทั้งหมดโดยละเอียด โดยประการทัังปวง ในทันทีทันใด นั้น ก็ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย จริงๆ ครับ
-แม้จะใช้ชื่อว่าโดยมีคำว่า "ธรรม" อยู่ด้วย แต่ถ้าไม่ได้มีการเรียนการสอน ที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อขัดเกลา ละคลายกิเลส มีแต่เป็นไปเพื่อได้ เป็นไปเพื่อเพิ่มมานะ ความสำคัญตน เพิ่มพูน กิเลสให้มากขึ้น นั่นไม่ใช่การเรียนการศึกษาในส่วนที่เป็นพระพุทธพจน์หรือปริยัติเลย แม้แต่น้อย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พุทธศาสตร์ คือ วิชาความรู้ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และสอน ให้ผู้อื่นรู้ตามได้ด้วย ค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ