ขอเรียนถามว่า การที่เรามีโอกาสฟังธรรม และศึกษาพระอภิธรรม มีความเข้าใจถูกต้องในสภาพธรรมที่เกิดขึ้นว่าเป็นอนัตตา หมายความว่า ในชาตินี้ เราไม่มีความเห็นผิดอีกเลยใช่หรือไม่ แม้ว่าจะยังไม่มี ปัญญา ระดับสติเกิดระลึกรู้สภาพธรรม หรือ ประจักษ์สภาพธรรม ถึงขั้นวิปัสนาญาณเลย
ตามความเข้าใจของตนเอง คือ หลังจากตายจากชาตินี้ไปแล้ว ไปเกิดเป็นบุคคลใหม่ ก็จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เรียนในชาตินี้หมด และก็จะมีความเห็นผิดเกิดขึ้นอีก จนกว่าจะได้ยินได้ฟังพระธรรมใหม่
ผู้ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมและมีความเข้าใจถูกในสภาพธรรม ถ้ายังไม่เป็นพระโสดาบัน ความเห็นผิดย่อมเกิดขึ้นได้ จริงอยู่ความเห็นผิดที่รุนแรงปฏิเสธบุญบาป ปฏิเสธพระรัตนตรัย ชาตินี้อาจไม่เกิดขึ้น แต่ความเห็นผิดที่ละเอียดยังเกิดขึ้นได้ เช่น ความเห็นว่าขันธ์ห้าว่าเป็นเรา (สักกายทิฏฐิ) ความเห็นในข้อปฏิบัติที่ไม่ตรงกับอริยมรรคมีองค์แปด (สีลัพพตปรามาส) หรือแม้แต่ความเข้าใจผิดในพระธรรมบางบทที่ละเอียดลึกซึ้งที่ปัญญาเข้าไม่ถึง ก็อาจจะพูดผิดไปจากอรรถที่ถูกต้องก็ได้ ในชาติต่อไปไม่ต้องพูดถึง
ถ้าไปเกิดในสกุลที่มีความเห็นผิด เราก็เป็นมิจฉาทิฏฐิด้วยเพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับปุถุชน
ขออนุโมทนาครับ
เรียนความเห็นที่ 1
ถ้าไม่มีความแน่นอนดังที่ท่านได้กล่าวมาแล้ว เราควรจะทำอย่างไร เพราะเริ่มตระหนักว่า ความเห็นผิดนั้นน่ากลัวเหลือเกิน ยอมรับค่ะว่า คิดว่าชาตินี้ไม่เห็นผิด ชาติหน้าก็จะไม่เห็นผิด
ขอบพระคุณค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
เรียนความเห็นที่สาม
มีหนทางเดียว คือ อบรมเจริญปัญญา ด้วยการศึกษาพระธรรมคำสอนให้เข้าใจและประพฤติปฏิบัติตามคำสอนตามกำลังสติปัญญาเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
อิทมฺปิ พุทฺเธ รัตนํ ปณีตํ เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ
แม้นี้ก็เป็นรัตนะอันประณีตคือพระพุทธเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้
ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์ทั้งหลาย
ความเห็นผิดเป็นกิเลสที่นอนเนื่อง เมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้นได้ ความเห็นผิดมีหลายระดับทั้งระดับที่กั้นการบรรลุมรรคผลและกั้นการเกิดในสุคติ กั้นการบรรลุแต่ไม่กั้นการเกิดในสุคติและไม่กั้นทั้งการบรรลุและการเกิดในสุคติ ดังนั้นเมื่อฟังธรรม ความเห็นถูกเกิดขึ้นแต่เพียงปัญญาขั้นการฟัง ยังไม่สามารถดับความเห็นผิดได้ ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยให้เกิดความเห็นผิดคือสำคัญว่าเที่ยง สำคัญว่ามีสัตว์บุคคลจริงๆ
ที่สำคัญเราจะต้องรู้ว่าเหตุที่ทำให้เกิดความเห็นผิดก็คือ การคบอสัตบุรุษ ผู้ที่มีความเห็นผิด จึงได้ฟังพระธรรมที่ผิด นี่ประการหนึ่ง ประการที่สองคือ อโยนิโสมนสิการคือตัวเองนั่นเองพิจารณาผิดในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ย่อมทำให้เกิดความเห็นผิดได้
คงไม่ต้องห่วงชาติหน้า เริ่มจากขณะนี้เดี๋ยวนี้เอง ฟังธรรมต่อไป คบกับพระธรรมที่ถูกต้อง จิตเป็นสภาพธรรมที่สะสม เมื่อมีความเห็นถูกทีละน้อย ย่อมไม่หายไปไหน สะสมต่อไปในชาติหน้า แม้ว่าจะมีความเห็นผิดเกิดขึ้นบ้าง หากปัญญาสะสมมามากก็ย่อมกลับมาสู่หนทางที่ถูกได้ เมื่อได้คบสัตบุรุษมีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ดังเช่นในเรื่อง โชติปาละมาณพซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ของเราในอดีต ท่านเกิดในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ แต่เพราะเกิดในตระกูลที่เห็นผิด ทำให้ท่านไม่เลื่อมใส กล่าวตู่พระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ
แต่เพราะมีเพื่อนดีคือฆฏิการช่างหม้อชวนให้ไปฟังธรรมของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท้ายสุดโชติปาละก็มีความเห็นถูกเพราะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ที่สำคัญเพราะได้สะสมความเห็นถูกไว้ในชาติก่อนๆ กัลยาณมิตรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง รวมทั้งการพิจารณาธรรมของตนเองด้วย ว่าได้สะสมความเห็นถูกมามากน้อยแค่ไหน อย่างไร ขอให้เริ่มขณะนี้ สะสมความเห็นถูกต่อไป สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
จริงๆ แล้วกุศลทุกอย่างควรเจริญน่ะครับ จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณความเห็นที่ 8 ค่ะ อ่านแล้วค่อยโล่งใจขึ้นมากเลยค่ะ
ดิฉันก็จะพากเพียรต่อไปเพราะคิดว่า มาถูกทางแล้ว
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ