ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเรียนถามค่ะว่า
๑. "มี" หรือ "ไม่มี" คืออะไร หมายถึงอะไร ได้แก่ ธรรมอะไร
๒. "ปรากฏ" หรือ "ไม่ปรากฏ" คืออะไร หมายถึงอะไร ได้แก่ ธรรมอะไร
๓. สีเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะในโลกมนุษย์นี้และในโลกอื่นจักรวาลอื่น กล่าวให้ถูกต้องแท้จริงแล้ว "มี" หรือ "ไม่มี" (คือ มีอยู่ แต่ ไม่ปรากฏ ในทางไหนๆ เลย ไม่อาจรับรู้ถึงการ มีธาตุ มีธรรม เหล่านั้นได้ ใช่ไหมคะ)
๔. ที่ว่า "ไม่ปรากฏคือไม่มี" หมายความว่าอย่างไร จริงๆ แล้ว มีธรรมะ มีธาตุ แต่ "มี" เพียงชั่วคราว เฉพาะขณะที่ปรากฏให้รู้ ว่ามี "ไม่ใช่ไม่มีอะไรเลย" ใช่ไหมค่ะ
๕. คุณคำปั่นไม่มี ไม่มีคุณคำปั่น หมายความว่าอย่างไร
ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้ความรู้ความเข้าใจค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มีเมื่อปรากฏ
ขณะนี้มีสภาพธรรม มีเมื่อไหร่ เมื่อปรากฏให้รู้ กับ จิต, ขณะนี้เห็น เห็นอะไร สี เห็นเป็นสัตว์ บุคคล มีเมื่อไหร่ สัตว์ บุคคล มีเมื่อปรากฏ ปรากฏกับจิตที่คิดนึก เป็นเรื่องราว เมื่อไม่ปรากฏ ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรม โลกนี้ก็ไม่มี สิ่งต่างๆ ก็ไม่มี ไม่ปรากฏให้รู้เลย เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คิดว่ามี และกำลังมี เมื่อปรากฏ กำลังปรากฏให้รู้ในขณะนี้ ถ้าไม่ปรากฏให้รู้ จะกล่าวว่ามีไม่ได้เลย สัตว์โลกที่ปุถุชนจึงยึดถือสิ่งที่มี ที่กำลังปรากฏว่าเป็นสิ่งต่างๆ และก็คิดว่าสิ่งนั้นมีจริงๆ เป็นคนนั้น คนนี้ ทั้งๆ ที่สภาพธรรมนั้นดับไปแล้ว เพราะฉะนั้นมีเมื่อสภาพธรรมปรากฏเท่านั้น การเข้าใจว่ามีเมื่อปรากฏ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความเข้าใจว่า สิ่งที่มี ที่ปรากฏ คือ ธรรม ไม่ใช่เรา และมีเมื่อปรากฏ คือ เมื่อสภาพธรรมนั้นเกิด ก็มีเมื่อนั้น และเมื่อดับไปแล้ว ก็ไม่ปรากฏ จึงหาสัตว์ บุคคล เรา เขา จากสิ่งที่มี ที่ปรากฏไม่ได้เลย มีเมื่อปรากฏ และเข้าใจสิ่งที่ปรากฏ สิ่งที่มีว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด ซึ่งจะต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาจริงๆ โดยตั้งต้นที่คำว่า "ธรรม" ได้แก่ สิ่งที่มีจริงๆ สิ่งที่มีจริง เป็นธรรม เช่น เห็น เป็นธรรม ได้ยินเป็นธรรม ได้กลิ่น เป็นธรรม เป็นต้น ซึ่งหลากหลายมาก เป็นจริง แต่ละหนึ่งๆ โดยไม่ปะปนกัน เมื่อกล่าวโดยรวมว่า สิ่งที่มีจริงๆ ทั้งหมด เป็นธรรม มีจริงๆ แต่สิ่งที่มีจริงนั้น มี เมื่อเกิดขึ้นเป็นไป กล่าวคือ เมื่อได้เหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น ทำกิจหน้าที่ แล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย ดังนั้น เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ก็ไม่สับสนกับคำต่างๆ โดยมั่นคงในความจริงว่า สิ่งที่มีจริงๆ นั่นแหละเป็นธรรม เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่มีคำปั่น ไม่มีคนอื่นๆ แต่เพราะมีธรรมเกิดขึ้นเป็นไป จึงหมายเรียกว่า เป็นคำปั่น ตลอดจนถึงเป็นคนอื่นๆ ซึ่งเมื่อแยกย่อยแต่ละขณะๆ แล้ว ก็ย่อมหาความเป็นสัตว์บุคคลตัวตนไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นแล้ว หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้นที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในความเป็นจริงของธรรม ขัดเกลาละคลายความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนสัตว์บุคคล ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา
น้อมกราบและขออนุโมทนาในพระสัทธรรมอย่างสูงครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ