มักได้ยินเสมอว่า "เสียเวลาฟังอยู่ทำไม ปฏิบัติเลยดีกว่า ไม่ต้องเรียนอีกหรอก ท่องได้หมดแล้ว ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูปธรรม นามธรรมท่องได้แล้ว ปฏิบัติเลย เรียนอย่างเดียวก็รู้เพียงทฤษฎี ถ้าไม่ปฏิบัติด้วยตนเองก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้" อยากทราบความเห็นของท่านวิทยากรและสมาชิกท่านอื่นๆ
อนุโมทนาครับ
จะปฏิบัติอะไรหรือครับ เพราะการปฏิบัติมีทั้งการปฏิบัติผิด และการปฏิบัติถูก พระพุทธองค์ทรงแสดงมรรคว่ามีทั้ง มิจฉามรรค ๘ และสัมมามรรค ๘ ถ้าไม่ศึกษา โดยละเอียดอาจเป็นผู้ปฏิบัติมิจฉามรรคแต่เข้าใจว่าเป็นสัมมามรรคก็ได้ โปรดอย่า พึ่งใจร้อนรีบด่วนปฏิบัติ ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ รู้ตามที่ทรงแสดงไว้ชื่อว่า เป็นการอบรมอริยมรรคมีองค์แปด ตั้งแต่ความเห็นที่ตรงแลถูกต้อง ความดำริที่ตรง กัมมันตะที่ตรง วาจาที่ตรง อาชีพตรง ความเพียรที่ตรง สติที่ถูกต้อง และสมาธิที่ถูกต้อง
ขอเชิญคลิกอ่านความเห็นเพิ่มเติมของสมาชิกและมูลนิธิฯที่มีอยู่ในกระดาน สนทนานี้..
รายงานการศึกษาจากการฟังธรรมะ
การศึกษาปริยัติและการปฏิบัติ
เราควรปฏิบัติอย่างไร
ก็เคยท่องได้ ปฏิบัติเลยมาแล้ว ขอบอก ...ไม่ได้ผล ที่ท่องได้หมดไม่ได้หมายความว่าเข้าใจตรงและถูกต้องทั้งหมด ตัวเองจึงต้องเริ่มอบรมเจริญปัญญาด้วยการฟัง...ทุกวันนี้ก็ยังฟังอยู่ และเข้าใจว่าไม่ใช่เป็นเรื่องเสียเวลาเลย บางเรื่องละเอียด ประณีต และการฟังให้เข้าใจถูกต้องนั้นต้องใช้เวลาค่ะ เห็นด้วยกับความเห็นที่ 2 อย่าเพิ่งใจร้อนนะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)