วันอาสาฬหบูชา วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘
โดย มศพ.  19 ก.ค. 2567
หัวข้อหมายเลข 48156

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

วันอาสาฬหบูชา
(วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘)



วันอาสาฬหบูชา
(วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘) เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศพระธรรมจักร คือ แสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก พระธรรมเทศนาที่พระองค์ทรงแสดงเป็นครั้งแรกนั้น มีชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ซึ่งเป็นพระธรรมเทศนาที่แสดงถึง
-ทางที่ไม่ควรเสพ ๒ ทาง ได้แก่ กามสุขัลลิกานุโยค (การประกอบตนให้หมกมุ่นพัวพันอยู่ในความสุขในกาม) และ อัตตกิลมถานุโยค (การประกอบตนให้ได้รับความลำบาก)
-ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ได้แก่ อริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งเป็นไปเพื่อตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริง
-อริยสัจจ์ (ความจริงที่ทำให้ผู้แจ้งถึงความเป็นพระอริยะ) ๔ ประการ คือ ทุกข์ (ธรรมที่เกิดดับ เป็นไปในฝ่ายเกิด) สมุทัย (เหตุเกิดแห่งทุกข์) นิโรธ (ความดับทุกข์) มรรค (หนทางที่ทำให้ถึงความดับทุกข์)

โดยพระองค์ทรงแสดงแก่ ภิกษุปัญจวัคคีย์ (โกณฑัญญะ, วัปปะ, ภัททิยะ, มหานามะ และ อัสสชิ) ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี เมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรมจบลง ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบัน เป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในโลก วันนี้จึงเป็นวันที่มีพระรัตนตรัยครบทั้งสาม คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระอริยสงฆ์ ซึ่งเป็นสังฆรัตนะ

พระบารมีทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญมา ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เพื่อที่จะได้ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธจ้า แล้วทรงแสดงพระธรรมเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ตามพระองค์ เพราะมีการตรัสรู้ และทรงแสดงพระธรรมของพระองค์ จึงทำให้สัตว์โลกที่สะสมเหตุที่ดีมา เห็นประโยชน์ของพระธรรม ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง และได้รับประโยชน์จากพระธรรม เป็นผู้พ้นจากความมืดมิดด้วยความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย ตามกำลังปัญญาของตน
นอกจากนี้แล้ว วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ยังมีเหตุการณ์ที่สำคัญอื่นอีกที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ คือ

- วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันที่พระมหาบุรุษปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายาผู้ทรงเป็นพระชนนี

- วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันที่พระมหาบุรุษ เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ คือ เสด็จออกผนวช แสวงหาหนทางแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง

- วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ในพรรษาที่ ๗ พระองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ (ปาฏิหาริย์เป็นคู่ๆ) ปราบพวกอัญญเดียรถีย์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้ว ก็เสด็จไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา

ตามข้อความใน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ ๗๔๗ ดังนี้

โดยนักษัตร คือ ดาวฤกษ์ในเดือนอุตตราสาฬหะ (พระจันทร์เสวยฤกษ์ในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ คือ เดือน ๘) พระมหาบุรุษ เสด็จลงสู่พระครรภ์ของพระชนนี ๑ เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ (เสด็จออกผนวช) ๑ ทรงประกาศพระธรรมจักร ๑ ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ๑
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้
พระโพธิสัตว์ปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา

พระโพธิสัตว์เสด็จออกผนวช

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมจักร

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์





"พระมหากรุณาที่ไม่มีใครเสมอเหมือน"

โดยอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

วันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๒

(พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ ๕๓๕)


พระธรรมคำสอนทั้งหมดก็มาจากพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะให้ผู้ฟังมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ ไม่ใช่ไปคิดขึ้นมาโดยที่ไม่มีสภาพธรรมปรากฏว่าความจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า และ ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ไม่ใช่เพื่อดอกไม้ ธูปเทียน คำสรรเสริญ สักการะทั้งหมด แต่เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก สัตตูปการคุณ คือ พระคุณที่ทรงอุปการะสัตว์โลกให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ถ้าจะมีคนที่บูชาพระองค์ด้วยดอกไม้ ธูปเทียน วัตถุของหอมมากมายมหาศาล กับ การที่ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจพระธรรม คิดว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีที่จะทำให้พระองค์เกิดปีติ ดอกไม้ทำให้ปีติหรือเปล่า หรือว่าการที่มีผู้ที่สามารถเข้าใจพระธรรมที่ได้ทรงแสดง

เพราะฉะนั้น ระลึกถึงขณะที่ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ความปีติของพระองค์จะมีไหม สัตตูปการคุณหรือสัตตูปการสัมปทา การถึงพร้อมด้วยการอนุเคราะห์สัตว์โลกได้สำเร็จแล้ว ไม่ใช่เพียงแต่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองเท่านั้น แต่พระมหากรุณาและก็มีผู้สามารถที่จะได้รับประโยชน์จากการฟัง สมกับการที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี และตลอดเวลา ๔๕ พรรษา ไม่ว่าใครที่ไหน ที่ได้สะสมปัจจัยพอที่จะเข้าใจธรรม พระองค์ก็ทรงพระมหากรุณาที่จะเสด็จไปแสดงธรรม นี่แสดงให้เห็นว่า ทั้งหมดเพื่อชาวพุทธหรือผู้ที่เข้าใจว่า ตนเองมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ต้องไม่ลืมพระธรรมด้วย ไม่ใช่เพียงเข้าใจแต่ว่า พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดับกิเลส ทรงเป็นพระบรมศาสดายิ่งใหญ่กว่าเทวดาพรหม มนุษย์ใดๆ ทั้งปวงในสากลโลก ในจักรวาล ไม่ใช่เพียงเท่านั้น แต่พระองค์แสดงธรรมอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ฟัง ความเป็นมิตรที่ดี กัลยาณมิตรที่เลิศ ก็คือ เพื่อประโยชน์ของผู้ที่เราเป็นมิตรด้วย เพราะฉะนั้น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมิตรที่ประเสริฐที่สุด เพราะว่าทรงพระมหากรุณา ทุกอย่างที่ทำเพื่อประโยชน์ของผู้ที่ได้พบทั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้ กว่าจะได้เข้าใจพระธรรม คือ ธรรมขณะนี้ตามความเป็นจริง สัจจธรรม ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ให้เป็นอย่างอื่นได้เลย ให้เป็นอย่างอื่น ให้เป็นอย่างนั้น ให้เป็นอย่างนี้ด้วย ก็ไม่ได้ ธรรมต้องเป็นธรรมประการเดียว กุศลธรรมเป็นกุศลธรรม อกุศลธรรมเป็นอกุศลธรรม ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ที่ไหน ทั้งหมด ก็คือ เป็นธรรม

ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้ทรงแสดงพระธรรมแล้ว ก็มีคำว่า “ธรรม” แต่ละคนก็ได้ยินคำนี้ แต่จะมีความเข้าใจคำนี้ลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ มั่นคง ถึงความเป็นผู้ที่ดับกิเลสหมดเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะมีความเข้าใจธรรมโดยประการทั้งปวง จนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลสได้หมด

เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ไม่ใช่เรื่องรีบร้อน ไม่ใช่เรื่องรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องอยากจะเข้าใจ แต่ว่าขณะใดที่ฟังแล้วเข้าใจ ขณะนั้นเวลาที่ฟังอีก ก็เข้าใจสิ่งที่เคยฟังแล้วเข้าใจแล้วนั่นแหละเพิ่มอีก และเวลาที่ฟังอีก ก็เข้าใจขึ้นอีก ในความไม่มีเรา แต่เป็นธรรมทั้งหมด


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

www.dhammahome.com
... ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกท่าน ...



ความคิดเห็น 1    โดย nattawan  วันที่ 20 ก.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย swanjariya  วันที่ 20 ก.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


ความคิดเห็น 3    โดย pamali  วันที่ 20 ก.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย เมตตา  วันที่ 20 ก.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 20 ก.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ