ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเรื่องของบารมีก็คือผู้ที่เห็นโทษของอกุศล เจริญกุศลเพื่อที่จะดับอกุศลเป็นสมุจเฉทนั่นเอง ไม่ทราบว่าจะมีข้อสงสัยอะไรอีกบ้างไหมคะ
พระภิกษุ อาตมาสงสัยที่ว่า การเจริญศีลบารมี นั้น เขาว่าศีลนี้ หมายถึงปกติ ทำไมเราจะต้องไปรักษาศีลด้วยล่ะ ในเมื่อมันเป็นปกติของมันอยู่แล้ว อาตมาไม่เข้าใจเลยตรงนี้
ท่านอาจารย์ มีศีล 2 อย่างเจ้าค่ะ คือ อกุศลศีล และ กุศลศีล ขณะใดที่ปกติเป็นอกุศล ทุกวันชีวิตเป็นไปในเรื่องของอกุศลทั้งนั้น ขณะนั้น ก็เป็นอกุศลศีล ถ้าปกติเป็นผู้มีศีล เป็นผู้ที่มีกายวาจาสุจริต นั่นก็เป็นกุศลศีล เพราะฉะนั้น ปกติจริง แต่ปกติเป็นอกุศลศีล หรือ ปกติเป็นกุศลศีล
พระภิกษุ ศีลจริงๆ แล้วหมายถึงปกติใช่ไหม
ท่านอาจารย์ ปกติ ความประพฤติ ทางกาย ทางวาจา
พระภิกษุ เมื่อมันเป็นปกติของมันอยู่แล้ว ทำไมเราจะต้องไปรักษาศีล
ท่านอาจารย์ เพราะว่าปกติเป็นอกุศล เมื่อเห็นโทษของอกุศล จึงเพียรที่จะเป็น ปกติเป็นกุศลศีล ไม่ใช่ ปกติเป็นอกุศลศีล
พระภิกษุ แสดงว่าถ้าปกติเป็นอกุศล เราจะรักษาให้เป็นกุศล
ท่านอาจารย์ โดยกุศลเกิด แล้ววิรัติทุจริต
พระภิกษุ อาตมาสงสัยว่าที่พระองค์ทรงตรัสว่า เราไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา เรามายึดสมมติกันว่า นี่คือตัวเรา นี่คือตัวของเรา ทำไมพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนนั่นแหละ เป็นที่พึ่่งของตน
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่ใช้คำที่จะให้ชาวโลกเข้าใจ จะใช้คำว่า ขันธ์ ๕ ที่นั่งอยู่ที่นี่ แถวที่ 1 และแถวที่ 10 หรือแถวที่ 20 ทางโน้น ก็ลำบาก เพราะฉะนั้นก็จะต้องมีคำที่เป็นเครื่องหมายให้รู้ ว่าหมายความถึง กลุ่มของขันธ์ 5 กลุ่มไหน
พระภิกษุ แสดงว่าตัวนี้ ที่พระองค์ทรงตรัสว่า ตนแล เป็นที่พึ่งของตนนั้น เราบัญญัติ สมมติใช่ไหม
ท่านอาจารย์ แน่นอน เจ้าค่ะ
ส่วนใหญ่ยังเป็นปกติอกุศลอยู่มากเลยครับ แต่ก็หลงลืมว่าเป็นปกติ ทั้งที่ผิดปกติ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ คุณจักรกฤษณ์ มากครับ ทีสนใจ ธรรม ที่ผมโพสท์ลงเสมอไม่ขาดเลย มีสัทธา และ ความเพียร ปัญญาย่อมเจริญขึ้น
ขออนุโมทนาอย่างมากๆ ๆ ครับ
ผมต้องขอเรียนคุณหมอว่า ผมได้ประโยชน์จากคำสอนของท่านอาจารย์ที่คุณหมอได้กรุณาคัดและนำมาลงในกระดาษสนทนาธรรมนี้มากครับ
บางเรื่องผมได้ฟังจากเทปของท่านอาจารย์มาบ้างแล้ว แต่พอได้มาอ่านเนื้อหาที่คุณหมอนำมาลงไว้ ก็ได้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นอีก การอ่านนั้นทำให้ผมได้หยุดคิดได้บางช่วงบางตอน ซึ่งต่างไปจากการฟัง บ้างครั้งตามท่านอาจารย์ไม่ทันจริงๆ เมื่อมีโอกาสกลับมาอ่านซ้ำ ก็ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจริงๆ ครับ
จึงขออนุญาตขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอที่อนุเคราะห์เกื้อกลูสหธรรมิกด้วยกัน มากๆ มา ณ ที่นี้ ครับ
ขอบคุณมากครับ คุณพูดถูกครับ ผมมีความประสงค์อย่างที่คุณกล่าว แต่มีความรู้สึกอื่นอีกด้วย เช่น เป็นผู้ไม่ตระหนี่ โดยฉะเพาะ ไม่ตระหนี่ธรรม คือ ไม่มีธรรมมัจฉริยะ พร้อมทั้ง ระลึกถึงกรรม และ ผลของกรรม ด้วย และอื่่นๆ อีก
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทั้งสองท่านค่ะ
ขออนุโมทนาครับ