อิตฺถี (สตรี ผู้หญิง) + ภาว (ความมี ความเป็น) + รูป (รูป)
รูปที่แสดงความเป็นหญิง หมายถึง สภาวรูปๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นสุขุมรูป มีลักษณะที่ซึมซาบอยู่ทั่วร่างกาย โดยแสดงความเป็นหญิง คือ ทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรงสัณฐาน กิริยาอาการของเพศหญิง
อิตถีภาวรูปมองไม่เห็นด้วยตา แต่รู้ได้ด้วยใจ ฉะนั้น ที่เข้าใจว่ามองเห็นผู้หญิง แท้ที่จริงทางตามองเห็นสีสันวรรณะเท่านั้น แต่รู้ว่าเป็นผู้หญิงเพราะคิดนึกทางใจ
อนุโมทนา
เข้าในในอรรถที่อธิบาย แต่อยากสอบถามเพิ่มเติมครับ แม้รู้ด้วยใจ แต่เมื่อมองเห็นเป็นสีสัน ซึ่งรู้ทางตา แล้วเห็นเป็นสันฐาน
๑ อันนี้ เห็นทางตาด้วยใช่ไหมครับ แล้วจึงประมวลด้วยสัญญาความจำว่าสันฐานอย่างนี้ อย่างนั้นเป็นสภาวะแบบไหน จึงรู้ได้ว่าเป็นอิตถี
๒ นั่นก็หมายถึง ก็ต้องอาศัยการู้ (เห็น) ทางตาก่อน จึงจะรู้ทางใจว่าเป็นอิตถีภาวะรูป จะนึกเองเฉยๆ ไม่ได้ เพราะถ้านึกเอง ก็เป็นแค่บัญญัติ ถูกหรือผิดครับ
๓ กรณีตาเห็นแล้ว บุคคลบางจำพวกอาจดูไม่ออกว่าเป็นหญิง เป็นชายทันที อาจเพราะการแต่งกาย และรูปร่างสันฐานทำให้การนึกคิดทางใจไม่ชัดเจน เกิดความสงสัย ลังเล อันนี้ถือว่าไม่รู้อิตถึด้วยไหมครับ
๔ ต่อจากข้อ ๓ และจริงๆ แล้ว บุคคลทั่วไป แม้อาจเป็นพระอริยะขั้นต้นๆ ก็ไม่อาจรู้อิตถีภาวรูป ได้ อย่างนั้นไหมครับ ที่รู้เข้าใจเพราะพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ หรือว่าพระอริยะบุคคลระดับไหนจึงรู้แจ้งสภาวะรูปดังกล่าวตามที่ทรงสอนได้บ้าง ครับ
ขอนอบน้อมแ่่ด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อิตถีภาวรูปเป็นรูปละเอียดไม่สามารถรู้ได้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่รู้ได้ทางมโนทวารเท่านั้น ถ้าเป็นทางตา ก็เห็นเฉพาะสี คือสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ไม่ใช่เห็นอิตถีภาวรูป แต่นิมิตเครื่องหมาย กิริยา อาการ ท่าทาง เป็นต้นนั้น เป็นการอธิบายให้เห็นถึงความเป็นหญิงอย่างหยาบๆ แต่ไม่ใช่ลักษณะของอิตถีภาวรูปจริงๆ อิตถีภาวรูปเป็นรูปที่เกิดจากกรรม ผู้ที่มีการอบรมเจริญปัญญา ตลอดไปจนถึงพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ สามารถรู้แม้รูปที่ละเอียดตามความเป็นจริงได้ ย่อมเป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานของผู้ที่มีปัญญา ที่สามารถรู้รูปดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นเรื่องของปัญญาทั้งหมดครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ