คุณพงศ์พิลาส โชติกเสถียร (คุณเปิ้ล) ชาวไทยที่พักอาศัยอยู่ที่ เมืองลอสแอนเจลิส (L.A.) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มากว่า ๓๐ ปี ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมเมืองไทยและตั้งใจที่จะมากราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จากที่ได้พบและฟังพระธรรมที่ท่านอาจารย์และมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาทำการเผยแพร่ทางยูทูป จนพอมีความเข้าใจขึ้นบ้างเมื่อประมาณ ๘ เดือนที่แล้ว จากที่เคยเดินบนหนทางของความเข้าใจผิด คิดผิด ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ผิดๆ ในทางพระพุทธศาสนามานาน เมื่อได้ฟังและเริ่มมีความเข้าใจขึ้นจากการเผยแพร่พระธรรมจากพระไตรปิฎกที่ท่านอาจารย์นำมาแสดง จึงเกิดความรู้สึกปีติซาบซึ้งเป็นอย่างมากและมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะได้มีโอกาสเดินทางมากราบท่านอาจารย์ที่มูลนิธิฯ สักครั้งหนึ่ง ในชีวิต
เมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทยครั้งนี้ จึงได้เดินทางมาที่มูลนิธิฯ และเข้าไปกราบท่านอาจารย์ในห้อง ตอนนี้เองที่อาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ วิทยากรของมูลนิธิฯ ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า ได้เห็นคุณเปิ้ลที่ออกมาจากห้องท่านอาจารย์และกำลังยืนคุยอยู่กับพี่ป๊อก (วนิดา ชาติวงศ์) อยู่ที่หน้าโต๊ะจำหน่ายแผ่นธรรมะเอ็มพีสาม หน้าห้องวิทยากร ความที่อาจารย์อรรณพคุ้นเคยกับพี่ป๊อกที่เป็นนักร้องนำของวงดนตรีบ้านธัมมะ และความที่เห็นว่าคุณเปิ้ลเป็นผู้ฟังหน้าใหม่ที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน จึงถือโอกาสออกไปสนทนาด้วย เลยได้ทราบว่าคุณเปิ้ลเพิ่งจะเดินทางมาจากแอลเอ (L.A.) ทั้งทราบว่า ในอดีตคุณเปิ้ลเคยเป็นผู้กว้างขวางคนสำคัญคนหนึ่ง ที่คอยสนับสนุนช่วยเหลือกิจการต่างๆ ของวัดไทยและสังคมของคนไทยในลอสแอนเจลิส และหลังจากนั้นได้ไปศึกษาและสนับสนุนกิจกรรมการเผยแพร่พระพุทธพจน์กับสำนักที่เผยแพร่พระพุทธพจน์ชื่อดังแห่งหนึ่งอยู่อีกปีกว่า ต่อมาได้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลภายในสำนักและรู้ว่าไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสอนคำอธิบายพระพุทธพจน์ของสำนักนี้มีความขัดแย้งกัน เช่น หลักสำคัญที่สุดของคำสอน ซึ่งพระพุทธพจน์ทรงแสดงว่า "สัพเพ ธัมมา อนัตตา" ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่มีเรา แต่กลับสอนให้มีตัวตนไปปฏิบัติ ไปทำ อานาปานสติ สติปัฏฐานสี่ ฯลฯ เป็นต้น จึงออกจากสำนักนั้นและห่างเหินไปจากพระศาสนาอยู่พักใหญ่ แต่ระหว่างนั้นก็เสาะแสวงหาฟังสิ่งต่างๆ ตามยูทูปต่างๆ จนได้มาพบและฟังพระธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่มีการเผยแพร่ทางยูทูป และเริ่มมีความเข้าใจขึ้นบ้างในปัจจุบัน ดังได้กล่าวแล้ว
เมื่อได้ทราบประวัติความเป็นมาคร่าวๆ ของคุณเปิ้ล พงศ์พิลาส โชติกเสถียร ดังกล่าว อาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ จึงเห็นว่า ประสบการณ์ของคุณเปิ้ล จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจพระพุทธศาสนาและกำลังแสวงหาหนทางที่ถูกต้องของคำสอนของพระพุทธองค์อยู่ จะมีความฉุกคิด เฉลียวใจ ขึ้นบ้าง จากการได้ฟังประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณเปิ้ล เฉกเช่นที่คุณเปิ้ล ฉุกคิดว่า สิ่งที่ได้พบ ได้ฟัง ได้ประพฤติปฏิบัติ ที่ผ่านๆ มานั้น ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ตามที่ได้ทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้ จนความฉงนใจ ฉุกคิดพิจารณาดังกล่าว เป็นปัจจัยให้ได้มาพบความจริงที่ถูกต้องในปัจจุบัน จนเป็นที่มาของรายการสนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนแรก] ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสนทนาที่น่าสนใจมากเป็นอย่างยิ่ง จึงได้แบ่งการนำเสนอออกเป็นสองตอนด้วยกัน (โปรดติดตามตอนจบที่มีความเข้มข้นมาก เร็วๆ นี้) ท่านสามารถคลิกฟังได้จากลิงค์ด้านล่างนี้
ข้อความบางตอนจากการสนทนา :
ผศ.อรรณพ ตอนที่พี่รู้สึกสนใจว่ามีทุกข์ มีอะไรอย่างนี้ แล้ว..
ท่านอาจารย์ ตอนนั้นลืมหรือยังว่ามีทุกข์ หรือว่าคิดบ่อยๆ
คุณเปิ้ล ก็เหมือนกับว่า บางครั้งถ้าอยู่ในที่เงียบๆ ค่ะท่านอาจารย์ ก็จะคิดถึงว่า คนเรามีทุกข์จริงๆ แล้วเป็นคนที่เพื่อนชอบโทรฯ มาคุยด้วย ปรึกษาความทุกข์ ปรึกษาเรื่องชีวิตค่ะ มันก็เลยจาก ไม่ใช่ตัวเองอย่างเดียว มันเป็นรับทุกข์ของคนอื่นมาด้วย ก็เลยบอกคนเรานี่ทุกข์ แต่ว่าบางคนอาจจะไม่เห็น พอทุกข์ดับไป เขาก็รื่นเริงเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนเดิม น้อยคนที่เขาจะฉุกคิดว่า ที่ทุกข์ จะต้องมีอะไรที่จะต้องแก้ความทุกข์นี้ได้ อะไรอย่างนี้ แต่ไม่ได้ย้อนกลับมาศึกษาใคร่ครวญว่า เกิดเพราะอะไร ทำไมถึงเกิด อะไรอย่างนี้
ผศ.อรรณพ ผู้ที่สอนพุทธศาสนา พี่ไปศึกษาในแนวทางไหนบ้างครับ?
คุณเปิ้ล ก็หลายทางเลยค่ะ พูดได้ว่าหลายทางเลย คือ ในวัดไทยเขาจะมีกลุ่มน้องๆ ปฏิบัติธรรม ก็หวังดี ก็คือว่า พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ก็นิมนต์มาที่วัดไทย แล้วก็มาเปิดคอร์ส ถ้าอยู่นานก็ ๕ วัน ๗ วัน แล้วก็ประกาศลงหนังสือพิมพ์ว่า ใครอยากจะมาเข้าคอร์ส พระอาจารย์องค์นี้มานะ กี่วัน แล้วมีอะไรบ้าง อาหารทางนั้นเขาก็จะเตรียมให้พร้อม มาแค่ตัว
ท่านอาจารย์ แล้วคุณเปิ้ลเคยเข้าไหมคะ?
คุณเปิ้ล เข้าหมดเลยค่ะ (หัวเราะ) เข้าเกือบหมดเลยค่ะ ก็ไม่เยอะนะคะ แต่เปลี่ยนไปว่า พระอาจารย์องค์นี้จะมา
ท่านอาจารย์ แล้วเหมือนกันไหม? พระอาจารย์แต่ละองค์
คุณเปิ้ล แตกต่างกันเลยค่ะ ก็คือ องค์นี้มาก็สอนอย่างหนึ่ง อีกองค์มาก็สอนอีกอย่าง
ท่านอาจารย์ ลองยกตัวอย่างได้ไหม?
คุณเปิ้ล เหมือนกับว่า หนึ่ง ก็ดูจิต ตามดูจิต อะไรอย่างนี้ แล้วก็ ยุบหนอพองหนอ ก็มี แล้วก็ ดูลมหายใจ แล้วก็ เขียนอรหัง
ผศ.อรรณพ อะไรนะครับ? อันนี้ไม่เคยได้ยิน
คุณเปิ้ล (ห้วเราะ) เขียน เขียนแบบว่า ให้หลับตา แล้วให้เขียนอรหัง (เขียนในความคิด) แล้วก็เข้าไปข้างใน ลึก แล้วจะละเอียดลง จากตัวใหญ่ เป็นตัวเล็ก อะไรอย่างนี้
ผศ.อรรณพ เพื่ออะไร? อันนี้ผมเพิ่งเคยได้ยิน
คุณเปิ้ล อันนี้ก็ไม่ทราบเมือนกัน คือ ไม่ได้เขียน (ด้วยมือ) ใจเขียน ให้สะกด เหมือนกับมีแผ่นกระดานแล้วให้จิตเขียนอรหัง จากหยาบไปเป็นละเอียด คืออาจจะสอนให้มีสมาธิ หรืออะไรก็ไม่ทราบ
ท่านอาจารย์ แล้วไม่เคยเฉลียวใจหรือว่า มีในพระไตรปิฎก หรือเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า?
คุณเปิ้ล ไม่ได้เฉลียวใจเลยค่ะ ก็ทำตามกัน (พระ) ท่านบอก ก็ทำตาม
ผศ.อรรณพ คือ หมุนเวียนมาที่วัดไทย ก็แล้วแต่ว่าจะแนวไหน แนวไหน
ท่านอาจารย์ แล้วมีใครบอกว่าได้ผลอย่างไรหรือเปล่าคะ?
คุณเปิ้ล อันนี้ไม่ทราบนะคะ ก็คงอาจจะปรุงแต่งมากกว่า ที่เขาก็ได้ผล เขาก็บอกว่ามีสมาธิดีขึ้น แล้วก็เห็นอะไรอย่างนี้ เห็นโน่นเห็นนี่ จริงๆ แล้วถามตัวเองว่า มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ที่พระพุทธองค์ทรงสอน น่าจะให้เข้าใจธรรมมากกว่า ให้มีเหตุมีผลมากกว่า ไม่ใช่อย่างนี้ แต่ก็ยังเครือๆ ว่า ตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า พอมาได้ยินท่านอาจารย์ คำว่า "ใช่แล้ว" ก็ออกมาเอง เพราะว่า มันเหมือนมีเควสชั่นมาร์ค (คำถาม) อยู่ในสมองตลอดว่า มันคืออะไรหรือ? แล้วมันได้อะไรบ้าง? แล้วมันละกิเลสอะไร? ก็จะวนอยู่อย่างนี้ ก็วนอยู่อย่างนี้ พอเห็นอย่างนี้ก็เลยไม่ได้เข้าไปร่วมเท่าไหร่ พอมาฟังอันนี้ ฟังท่านอาจารย์ ก็เหมือนกับว่า รอคอยมานาน ว่าคำตอบนี้คืออะไรที่เรามองหาอยู่
ท่านอาจารย์ โดยไม่มีใครชักนำหรือคะ?
คุณเปิ้ล ไม่มีเลยค่ะ มีแค่ครั้งหนึ่ง มีพี่คนหนึ่งเขาส่งมา ของท่านอาจารย์สุจินต์ (คลิกชมที่นี่...ยูทูปช่องdhammahomelive และที่นี่...ยูทูปช่องมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา) เปิ้ลก็เปิดดู (ซึ่งเคยเปิดดูอยู่ก่อนแล้ว) หลังจากนั้นก็เปิดตลอด แล้วก็ออโต้เพลย์ (ตั้งค่า Auto Play-เล่นแบบต่อเนื่อง ใน Youtube) ไว้เลย พอจบคลิปนี้ คลิปนี้ขึ้น ทั้งวัน ทั้งคืน ฟังทั้งวันทั้งคืนจริงๆ แต่ก็ขอบคุณที่ได้เข้ามาก่อน เพราะว่าคุณพ่อตอนนั้นไม่ค่อยสบายด้วย ก็เปิดให้คุณพ่อฟังด้วย คุณพ่อยังบอกว่า นึกว่าพระ บอกว่าผู้หญิงหรือ เสียงดีจังเลยนะ
ผศ.อรรณพ คุณพ่อก็ยังได้น้อมนำไป
คุณเปิ้ล แล้วคุณพ่ออยู่เนิร์สซิ่งโฮม ก็ให้ฟังตลอดเลย ท่านก็ไปสงบค่ะ
ท่านอาจารย์ รับฟังนี่ น่าอัศจรรย์นะคะ บางคนจะไม่คุ้น แล้วก็ไม่สนใจ
ผศ.อรรณพ ท่านไม่ต้านอะไรเลย ท่านก็รู้สึกว่าดี ดีจัง
คุณเปิ้ล ท่านไม่ต้านนะคะ ปกติท่านจะไม่เอาทางวัดน่ะค่ะ ท่านไม่เอา ก็มาเปิดฟัง พอหลังๆ ท่านก็เงียบ ท่านก็ฟังตลอดเลย
ท่านอาจารย์ นานหรือยังคะนี่
คุณเปิ้ล คุณพ่อเสียเดือนเมษายน ปีนี้ค่ะ (๒๕๖๒)
ผศ.อรรณพ พี่เปิ้ลฟังมาได้..
คุณเปิ้ล น่าจะ ๘ เดือนเองมั้งคะ
ผศ.อรรณพ ทีนี้ ย้อนไปตอนพี่อยู่ที่วัด แล้วก็มีพระท่านมาสอนหรือผู้สอน อาจารย์ที่มาสอนหลากหลายต่างๆ นานา ผมติดใจเรื่องเขียนอรหัง อาจารย์ท่านนั้นท่านสอนธรรมะสอนอะไรหรือเปล่า หรือว่าท่านให้ทำอย่างนี้อย่างเดียว
คุณเปิ้ล ก็สอนด้วยค่ะ เอาพระสูตรมาสอน มาพูด แล้วก็ปฏิบัติ ก็แตกต่างกันไป องค์นี้ให้ปฏิบัติอย่างนี้ องค์นี้ให้ปฏิบัติอย่างนี้
ผศ.อรรณพ ทุกคนก็เอาพระสูตรมาอะไรมา พี่เปิ้ลก็สนใจศึกษาข้อความในพระพุทธพจน์โดยตรงอยู่ใช่ไหมครับในช่วงหนึ่ง จุดใหญ่ๆ ที่ได้เล่าว่าทำไมถึงสนใจสำนักที่เขาเน้นพระพุทธพจน์โดยตรงอะไรอย่างนี้
คุณเปิ้ล จริงๆ แล้ว ไม่ค่อยได้อ่านนะคะท่านอาจารย์ คือไม่ค่อยได้อ่านพระไตรปิฎก ไม่ค่อยได้อ่านอะไร ก็เหมือนสไตล์ลูกทุ่ง มาถึงก็ปฏิบัติตามที่เขาบอก ปฏิบัติธรรมไปเลย
ท่านอาจารย์ โดยไม่เข้าใจว่า "ปฏิบัติ" คืออะไร
คุณเปิ้ล ใช่เลยค่ะ คือตอนนั้นไม่เข้าใจเลยว่ามีตัวตนไปปฏิบัติ แต่พอสะสม (ความเข้าใจ) เข้าไปเรื่อยๆ สะสมเข้าไปเรื่อยๆ แต่ได้พระสูตรที่ฟังจากพุทธพจน์เยอะ แต่ความละเอียดลึกก็มาได้จากท่านอาจารย์ ความละเอียดของคำแต่ละคำ ที่ทุกอย่างมีความหมายในตัวของเขาเอง แต่ว่าบางที เหมือนศึกษาเผิน อย่างยกตัวอย่างได้เลยว่า "ธรรมะ" ซึ่งธรรมะนี่ก็ฟังว่า ธรรมะทั้งหลายอย่างนี้ๆ คือไม่ได้เน้นว่า ธรรมะ ความหมายของแต่ละตัว แต่ละประโยค หมายความว่าอะไร ซึ่งเผินมาก ความเข้าใจในธรรมะหยาบมาก แล้วจะไม่เข้าใจในคำที่ว่า "สัพเพ ธัมมา อนัตตา" เพราะว่า "ทีละคำ" อย่างท่านอาจารย์ จะรู้เลยว่า ธรรมะคืออะไร เพราะมันเป็นภาษาบาลี เปิ้ลก็ไม่ทราบ แต่ท่านอาจารย์ (สุจินต์) ธรรมะแปลเป็นภาษาไทยคืออะไร คือความจริง พอได้ความหมายของอันนั้นแล้ว มันไปต่อได้ ความจริงคืออะไร สิ่งที่จริงที่เกิดขึ้นคืออะไร เกิดขึ้นจากอะไร ก็เกิดขึ้นจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือ อายตนะทั้ง ๖ คือมันต่อเนื่องกันเลย มันไม่ติดขัด ก็เลยฟังมาเรื่อยๆ ฟังมาเรื่อยๆ
ท่านอาจารย์ คิดว่าพอหรือยัง?
คุณเปิ้ล ยังค่ะ ยิ่งศึกษา คือ ตอนนั้น (ที่ศึกษาพุทธพจน์) มีความรู้สึกว่าปรุงแต่งมาก โอ้โฮ..โสดาบันแล้วมั้ง (หัวเราะสนุก) นี่พูดจริงๆ ค่ะ ตอนที่ศึกษาพุทธพจน์อะไรอย่างนี้
ท่านอาจารย์ ตอนนั้น "แค่ศึกษา" ก็คิดว่าเป็นพระโสดาบันแล้ว?
คุณเปิ้ล ใช่ค่ะ คือความที่เราได้ศึกษาแล้วได้ฟัง แล้วเหมือนกับเราปรุงแต่งไปเองว่า เราโอเคแล้ว เราเจ๋งแล้ว คือเราไม่ทราบว่าสะสมอัตตาตัวตน แค่ฟัง เหมือนกับว่า คล้อยตามว่ามันง่าย แต่พอศึกษาจริงๆ แล้ว มันไม่ง่าย ยิ่งศึกษายิ่งยาก ยิ่งยาก ยิ่งยาก จริงๆ เพราะว่ามันไม่ใช่แค่จำอย่างเดียว ว่าโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ ได้ สักกายทิฏฐิ คือ โลภะ โทสะ โมหะ เบาบาง คนก็ปรุงแต่ง เพราะคนมันมีทิฏฐิ มีตัณหา มีมานะ อยู่แล้ว
ผศ.อรรณพ อยากเป็นอยู่แล้ว
คุณเปิ้ล ค่ะอยากเป็นอยู่แล้ว ใช่ค่ะ มันก็เลยผสมโรงกันไปค่ะท่านอาจารย์ เปิ้ลก็เป็นไปด้วย
ท่านอาจารย์ แล้วคนอื่นจะคิดอย่างคุณเปิ้ลไหม?
คุณเปิ้ล ก็คงมีเหมือนกันค่ะ
ผศ.อรรณพ เยอะไหมครับ ที่เขาคิดว่าได้เป็นพระโสดาบัน
คุณเปิ้ล คงพอสมควรค่ะ พี่ว่าน่าจะพอสมควร
ผศ.อรรณพ แล้วมีคนรับรองไหมว่าได้เป็น ไม่ได้เป็น อาจารย์ที่สอนรับรองไหม?
คุณเปิ้ล คงไม่มีใครรับรอง บางคน อาจารย์สอบอารมณ์ก็บอกว่า คือ อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น พอนั่งสมาธิ เนสัชชิกก็ทำมาแล้ว ไม่ได้หลับไม่ได้นอน (หัวเราะขำ) ทำมาแล้วที่วัดไทย (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้อะไร ก็เหมือนไปฝืนตัวเอง แต่ ณ ตอนนั้นคือ โอโฮ..เราแน่ อะไรอย่างนี้
ท่านอาจารย์ ทำอะไรได้ทุกอย่าง ที่เข้าใจว่าเป็นพระโสดาบัน แล้วเวลาอธิบายพระสูตร จะอธิบายว่าอย่างไร? เวลาครูหรืออาจารย์มาสอบอารมณ์
คุณเปิ้ล อ๋อ สอบอารมณ์คือสอบการปฏิบัติค่ะ เช่น พอเข้าไปทีละคน ก็จะถามพระอาจารย์ ก็จะเล่าว่าช่วงปฏิบัติ คือพระอาจารย์ก็จะถามเราด้วย แล้วเราก็จะตอบท่านว่า ช่วงปฏิบัติ เห็นอะไรบ้าง ก็อธิบายให้ท่านฟัง ของเปิ้ลก็เห็นแสง เห็นอะไรอย่างนี้ แล้วก็วับไป ก็แล้วแต่อาจารย์ที่เขาจะบอกเราว่า ทำต่อไปนะ เหมือนกับว่าจิตนิ่งแล้ว ลักษณะนั้น ไป รวมๆ อย่างนั้น
ผศ.อรรณพ แล้วเรารู้สึกอย่างไรกับคำวินิจฉัยนั้น?
คุณเปิ้ล อ๋อ แรกๆ ก็รู้สึกดีใจ ภูมิใจ ตัวเอง
ผศ.อรรณพ ท่านอาจารย์ครับ การสอนที่ยกพระพุทธพจน์ พระพุทธวัจนะมา ส่วนหนึ่ง อย่างน้อยก็จะได้ยินได้ฟังพระพุทธพจน์ไปบ้าง
ท่านอาจารย์ แต่ หลังจากที่ตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสเอง ว่า ธรรมะละเอียด ลึกซึ้ง ยากที่จะเห็นได้ แล้ว "ถ้าคำนี้ไม่อยู่ในใจของพวกที่ได้ฟังธรรมะ" เลย จะรู้ได้อย่างไรว่า ที่ได้ฟังนี้ แต่ละคำ ละเอียด ลึกซึ้ง ยากที่จะเห็นได้ แม้แต่ "ธรรมะ" ธรรมะจริงๆ คือ อะไร? เดี๋ยวนี้มีไหม? ละเอียดหรือเปล่า? เพราะ รู้แค่ไหน? แล้วก็ จะประจักษ์แจ้ง เห็นได้ ว่าเป็นธรรมะ ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ได้อย่างไร? คือ ไม่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คิด ให้ไตร่ตรอง เพียงแต่ว่า ได้ยินคำว่า ธรรมะ ก็ "เหมือนเข้าใจ" แต่ไม่เห็นว่า ละเอียดคืออะไร? ลึกซึ้งคืออย่างไร? และจะเห็นตามความเป็นจริงได้อย่างไร? ก็ไม่มี
ผศ.อรรณพ พอมาฟังที่ มศพ.แล้ว พี่ใช้คำว่า "ใช่แล้ว" ก็เลยถามว่า ก็เปลี่ยนมาหลายสำนัก แล้วต่อไป (อาจ) จะไปใช่อีกที่หนึ่ง จะเปลี่ยนไหม?
คุณเปิ้ล ก็เป็นคำถามที่ดีมาก แต่มันเป็นสิ่งที่ยากที่จะอธิบาย มันเป็นเหมือนนามธรรม ว่าเรามาเจอสิ่งที่คิดว่าดีแล้ว แล้วอาจารย์ว่า แล้วมันมีอีกอันอาจจะดีกว่านี้ แต่จริงๆ แล้ว คิดว่า ถ้าผู้ใด ท่านใดก็ตาม ไม่ต้องเป็นบรรพชิตก็ตาม เป็นอุบาสก อุบาสิกา ที่สอนตามพระพุทธองค์ โดยไม่มีการเติมแต่ง ตัดออก อะไรทั้งสิ้น ก็ฟัง แล้วควรจะเป็นอย่างนั้น แล้วสิ่งที่ทำให้คิดว่า "ใช่แล้ว" ก็คือ ท่านอาจารย์สอนว่า ทุกอย่างอนัตตา "สัพเพ ธัมมา อนัตตา" มันต้องทุกอย่าง ไม่เว้นแม้สิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็เลยคิดว่า สูงสุดแล้ว เพราะคงไม่มีอะไรที่ว่าจะให้เห็นว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา เราก็ไม่มี มันก็คงจะไม่มีแล้วที่สอนสูงกว่านี้ ก็เลยคิดว่า ใช่แล้ว เพราะที่ผ่านมา ก็ "ตัวตน" ทั้งนั้น ไปปฏิบัติ ไป...
ผศ.อรรณพ ที่อื่นเขาก็สอน สัพเพ ธัมมา อนัตตา กันทั้งนั้น
คุณเปิ้ล สอน แต่เป็นพระสูตร จริงๆ แล้ว การปฏิบัติ มันไม่ใช่ไงคะ มันแย้งกัน!! พอมาฟังนี่ ท่านอาจารย์บอกว่า ที่ไปปฏิบัติ มันใช่เลยที่เราคิด แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครรับรอง ว่า เราคิดอย่างนี้ถูกไหม ที่บอกว่า ก็การที่ไปปฏิบัติ มันตัวตนไปปฏิบัติหรือเปล่า? ใช่ไหม? ไปทำสติปัฏฐาน ทำได้หรือ? มันทำไม่ได้ มันเกิดเพราะเหตุปัจจัย ก็แย้งว่า ถ้าทำขนาดนี้ ไม่ทำเป็นอรหันต์ไปเลย ทำไมจะต้องมาไต่เต้าโสดาบัน ถ้ามีตัวตนบังคับบัญชาได้ ก็ตอบ-ถาม ตัวเอง
ท่านอาจารย์ หมายความว่า พอคุณเปิ้ลฟังแล้ว คำที่ได้ยินได้ฟังนี้จริง ที่ไม่มีคำอื่นจะมาเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้น แม้ว่าจะไปได้ยินได้ฟังคำอื่นอีก คุณเปิ้ลก็สามารถที่จะรู้ได้ว่า "คำจริงที่เปลี่ยนไม่ได้นี้แหละ เป็นคำของพระพุทธเจ้า" เพราะคุณเปิ้ล "รู้ด้วยตัวเอง" ว่า ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา เพราะจะเอาอัตตามาเป็นอนัตตาได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะฟังคำอื่นอีก ก็ไม่ตรงกับ "ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา"
ขอเชิญคลิกชมตอนอื่นๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง...
- สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนจบ]
- รายการสนทนาปัญหาสารพัน รายการใหม่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
- สนทนาปัญหาสารพัน : แรงงานพม่า สะท้อนปัญหาชาวพุทธ
- สนทนาปัญหาสารพัน : ๑๐ ปีที่เสียไป เปิดใจอดีตแม่ชี พญ.ธิดา คงจรรักษ์
- สนทนาปัญหาสารพัน : เกือบจะหย่า กว่าจะเข้าใจพุทธวจน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
- สนทนาปัญหาสารพัน : รู้ความจริง ทิ้งสิ่งที่ผิด
- สนทนาปัญหาสารพัน : อดีตแม่ชีวิปัสสนาจารย์เผยวิกฤตการณ์ชาวพุทธ
- อาจารย์สุจินต์ เป็น คริสต์หรือ?
- สนทนาปัญหาสารพัน : ที่พึ่งที่แท้จริง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับน้องเปิ้ลด้วยนะคะ ที่มีการสะสมความเข้าใจในพระธรรมคำสอนมาเป็นอย่างดีเยี่ยม มีการแสวงหาสิ่งที่ถูก หนทางที่ถูก กล้าเดินออกมาจากหนทางที่ผิดและกล้าที่จะออกมาเปิดเผยความจริงให้แก่สาธารณะชนได้รับทราบ ว่าหนทางใดที่ผิดและผิดอย่างไร และที่ถูกคือถูกอย่างไร! จะมีสักกี่คนที่กล้าหาญอย่างเธอ
จะว่าไปแล้ว..สิ่งใดถูกเราก็ต้องยอมรับและทิ้งในสิ่งที่ผิด...ชีวิตถึงจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้และเดินไม่ผิดทาง ไม่หลงทาง
ชีวิตน้องเปิ้ลได้พบทางสว่างในที่สุด ขอให้น้องเปิ้ลเจริญกุศล ด้วยการช่วยกันเผยแพร่พระธรรมคำสอนที่ถูกต้องต่อไปนะคะ สาธุค่ะ🙏
กราบอนุโมทนากับคุณเปิ้ลที่ได้พบครูผู้ตรงต่อพระธรรมผู้ชี้แนวทางที่ถูกต้องที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วนั้น
กราบแทบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนากับอาจารย์วิทยากรและทีมงานของ มศพ ทุกท่านยิ่งค่ะ