* วงศาคณาญาติ มิตรสหาย อาจจะช่วยเหลือเกื้อกูลเราให้ได้รับสุข และคลายจากทุกข์ได้บ้างตามสมควร ตามโอกาส ตามเหตุปัจจัย
* แต่ถ้ามีเหตุปัจจัยที่ทำให้เราต้องได้รับทุกข์กายจริงๆ แม้จะมีวงศาคณาญาติ มิตรสหาย หรือใครๆ มากมายสักเพียงไร ที่พยายามจะช่วยเราให้พ้นจากทุกข์กาย และจะให้ได้รับสุขกาย ก็ไม่สามารถจะเป็นไปได้เลย เพราะการจะได้รับทุกข์หรือสุขกาย ต้องเป็นไปตามกรรมของแต่ละบุคคล
* กรรม คือเจตนา ซึ่งเป็นความจงใจ ตั้งใจ ซึ่งเกิดกับจิตทุกขณะ
- ถ้าเป็นกุศลเจตนาที่จงใจ ตั้งใจกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น เมื่อกรรมนั้นได้กระทำสำเร็จ ก็เป็นกุศลกรรมที่จะสะสมสืบต่อไปในจิต และสามารถอำนวยให้ได้รับผลที่ดีคือประโยชน์สุขต่างๆ ต่อไป
- ถ้าเป็นอกุศลเจตนาที่จงใจ ตั้งใจ กระทำในสิ่งที่ประทุษร้าย เบียดเบียนผู้อื่น เมื่อกรรมนั้นได้กระทำสำเร็จ ก็เป็นอกุศลกรรม ที่จะสะสมสืบต่อไปในจิต และสามารถให้ผลที่ไม่ดี เป็นทุกข์โทษ ต่างๆ ต่อไป
* พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า "สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้"
* ดังนั้น ทุกคนจึงมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์วงศ์ญาติที่แท้จริง เพราะกรรมเป็นปัจจัยที่แท้จริงที่ทำให้ได้รับสุขหรือทุกข์ตามกรรมที่ได้กระทำแล้ว ไม่ใช่ใครจะทำอะไรได้เลย เพราะแม้จะมีญาติพี่น้อง มิตรสหาย หรือใครก็ตามที่ช่วยเหลือเราให้บรรเทาจากทุกข์ได้ในบางโอกาส ก็เพราะมีกรรมดีที่ได้กระทำไว้แล้วอำนวยผลนั่นเอง
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ