* เมื่อไม่ได้เข้าใจพระธรรม ต่างคนก็ต่างคิดไปว่า สุขและทุกข์ที่ได้รับนี้ เกิดจากตนทำเองบ้าง ผู้อื่นทำให้บ้าง ทั้งตนและผู้อื่นทำบ้าง หรือเกิดขึ้นเองบ้าง เพราะไม่รู้ในความเป็นธัมมะที่เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยตามความเป็นจริง
* พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความเป็นจริงของธัมมะที่เกิดขึ้น เช่น สุข ทุกข์ ว่าต้องเกิดจากเหตุปัจจัย คือ
- ความรู้สึกสุขกาย ทุกข์กาย เกิดขึ้นก็เพราะมีสภาพที่กระทบ (ผัสสะ) สิ่งที่ปรากฏทางกาย ที่น่าพอใจบ้าง ไม่น่าพอใจบ้าง
* แต่อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้มีการกระทบสัมผัสทางกายที่น่าพอใจบ้าง ไม่น่าพอใจบ้าง
- เพราะกุศลเจตนา หรืออกุศลเจตนา เป็นกรรมทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง หรือทางใจบ้าง ซึ่งสามารถเป็นปัจจัยให้มีการกระทบสิ่งที่น่าพอใจ หรือไม่น่าพอใจ แล้วทำให้เกิดความรู้สึกสุขบ้าง ทุกข์บ้าง
* แล้วอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้มีการกระทำกุศลกรรมและอกุศลกรรม
- เพราะมีความไม่รู้คืออวิชชา หรือโมหะคือความหลง ซึ่งไม่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นปัจจัยให้มีเจตนากรรม ซึ่งสามารถให้ผลต่อไปได้
* ดังนั้นที่ต้องเกิดมา มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ก็เพราะมีความไม่รู้เป็นต้นตอนั่นเอง และการจะพ้นจากการเกิดได้ ก็ต้องอบรมเจริญปัญญารู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ จนกว่าจะดับความไม่รู้ได้หมดสิ้น
(ประมวลสรุปจากภูมิชสูตรและอรรถกถา)
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ