ขอความอนุเคราะห์จากผู้รู้ทั้งหลายให้รายละเอียดกาลามสูตรทั้ง ๑๐ ข้อด้วยครับ
การแสดงพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยนัยไม่ควรเชื่อถือด้วยอาการ ๑๐ มีอยู่หลายสูตร เช่น กาลามสูตรหรือเกสปุตตสูตร สาฬหสูตร ภัททิยสูตร เป็นต้น จุดประสงค์เพื่อให้ผู้ฟังพิจารณาว่า ดีหรือไม่ดี มีคุณหรือมีโทษ ผู้รู้ติเตืยนหรือไม่อาการทั้ง ๑๐ มีดังนี้ อย่าได้ถือโดยฟังตามกันมา ๑ อย่าได้ถือโดยสืบต่อกันมา ๑ อย่าได้ถือโดยตื่นข่าว ๑ อย่าได้ถือโดยอ้างตำรา ๑ อย่าได้ถือโดยนึกเดาเอาเอง ๑ อย่าได้ถือโดยคาดคะเน ๑ อย่าได้ถือโดยตรึกตามอาการ ๑ อย่าได้ถือโดยชอบใจว่าถูกกับลัทธิของตน ๑ อย่าได้ถือโดยเห็นว่าผู้พูดเป็นคนควรเชื่อได้ ๑ อย่าได้ถือโดยเชื่อว่าสมณะเป็นครูของเรา ๑ เชิญคลิกอ่าน... อย่าเชื่อ [กาลามสูตร]
ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟังอะไรมาก็อย่าเชื่อง่าย ต้องเป็นปัญญาของตัวเอง เช่น
สิ่งใดเป็นกุศลควรเจริญ สิ่งใดเป็นอกุศลควรละ ฯลฯ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การอบรมปัญญาเพื่อเข้าใจความจริงในเรื่องของการปฏิบัติธรรม (วิปัสสนา) ก็อาศัยหลักกาลามสูตร ไม่เชื่อโดยยึดถือ ๑๐ ประการ แต่ฟังแล้วพิจารณาตามความเป็นจริงว่า เป็นจริงอย่างนั้นไหม อย่างคำกล่าวที่ว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริง เห็นมีจริงเป็นธรรม เสียงมีจริงเป็นธรรม เมื่อได้ฟังก็พิจารณาตามว่าเป็นจริงอย่างนั้น มีจริงหรือเปล่า ในขณะนี้ เมื่อพิจารณาด้วยเหตุผล แม้ขั้นการฟัง ก็เห็นจริงว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริง อยู่ในชีวิตประจำวัน ก็ย่อมเป็นปัจจัยเกื้อกูลต่อการปฏิบัติที่ถูกต้อง โดยไม่ต้องไปหาธรรมที่อื่น หรือโดยการพยายามหาธรรมโดยท่าทางใดท่าทางหนึ่ง เพราะธรรมก็มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะนั่ง นอนยืน เดินหรืออยู่ที่ไหนก็ตาม เชื่อเพราะพิจาณาด้วยปัญญาเพราะเป็นสิ่งที่มีจริง
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่าไม่ควรเชื่อโดยอาการ ๑๐ อย่าง มีไม่ควรเชื่อโดยการฟังตามกันมาเป็นต้นนั้น ก็เพื่อให้ผู้ฟังเกิดปัญญา เข้าใจด้วยตนเอง รู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟังอะไรมา ก็อย่าพึ่งเชื่อ แต่ควรพิจารณาไตร่ตรองด้วยเหตุด้วยผลว่าเป็นจริงอย่างที่ได้ยินได้ฟังมาหรือไม่อย่างไร ควรละ หรือ ควรเจริญ เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ หรือ เป็นไปเพื่อประโยชน์ เป็นต้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เพื่อให้ผู้ศึกษาเกิดปัญญาเป็นของตัวเอง เข้าใจอย่างถูกต้องด้วยตนเอง ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง ตามความเป็นจริงได้ สภาพธรมทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงนี้เองที่ปัญญาจะประจักษ์แจ้งได้ตามความเป็นจริง ซึ่งไม่พ้นสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ในขณะนี้เอง ซึ่งพิสูจน์ได้ทุกขณะ ครับ
... ขออนุโมทนาครับ ...
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ เป็นพระสูตรที่เป็นประโยชน์มากค่ะ ทรงเตือนให้เข้าใจพระธรรมศึกษาพระธรรมและไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจเป็นปัญญาของเราเองจริงๆ
พระปัญญาธิคุณแห่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเหนือคำบรรยาย ผู้แสดงธรรมตามความเป็นจริงจะไม่สอนให้เชื่อตามๆ กันไปแต่จะสอนให้พิจารณาสภาพธรรมตามความเป็นจริงเท่านั้น.
ผู้มีอุปการะคุณ ย่อมมีความปรารถนาดีเอื้อเฟื้อ เกื้อกูล ด้วยความจริงใจ เมื่อพบขุมทรัพย์ย่อมชี้ขุมทรัพย์ให้ แต่จะรู้ว่าใช่ขุมทรัพย์จริงๆ หรือไม่ เหตุปัจจัยและสัจจธรรมทั้งหมดแสดงไว้แล้วในพระไตรปิฏก.
.
อนุโมทนาค่ะ.
ขณะที่ฟังท่านอาจารย์บรรยายธรรมหรือสนทนาธรรมทั้งจากวิทยุ ซีดี MP3 หรือแม้แต่ที่มูลนิธิฯ ก็ตาม
มักมีผู้ฟังถามท่านบ่อยๆ ว่า ทำอย่างนั้นถูกมั้ย หรือไม่ก็ แล้วต้องทำยังไงถึงจะถูก แต่ส่วนมากท่านอาจารย์จะถามผู้นั้นกลับ ไม่ใช่เพราะท่านไม่อยากตอบ ท่านไม่เคยเบื่อที่จะตอบคำถามเพื่อความเข้าใจของผู้ถามเลย แต่ที่ท่านถามย้ำ ถามทบทวน ถามกลับไปกลับมา ถามแล้วถามอีกก็เพื่อให้เกิดเป็นความเข้าใจจริงๆ เป็นปัญญาจริงๆ ของท่านผู้ถามนั้นเอง
ท่านไม่เคยบอกว่าต้องเชื่อตามที่ท่านพูดเลย
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านผู้ให้ความรู้ความคิดเห็นทุกท่านค่ะ
ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ