เริ่มฟังธรรมเคยได้ยินท่านอาจารย์พูดถึงคำว่าเห็นกายในกาย. แต่ครั้งนั้นยังเป็นผู้ใหม่ เพิ่งเริ่มเข้ามาฟังพระธรรมของท่านอาจารย์ จึงไม่ได้จดจำสนใจและจำไม่ได้ว่าฟังจากยูทูปตอนไหน. และนับแต่ครั้งนั้น ข้าพเจ้าก็ฟังพระธรรมของท่านอาจารย์มาตลอด แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ยินและฟังเรื่องเห็นกายในกายอีก. จึงขอความกระจ่างค่ะ
ซึ่ง เห็นกายภายในและกายภายนอก ด้วยปัญญาที่เห็นตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา กายภายในคือตัวเราที่หลงยึดถือด้วยความเห็นผิดว่าเป็นเราจริงๆ ก็เป็นธรรมเป็นเพียงธาตุ กายภายนอกคือบุคคลอื่นก็เป็นธรรมทั้งหมด ละความยึดถือว่าเป็นกายของเรา และกายของผู้อื่นเพราะเห็นตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
อนุโมทนา
ขอนอบน้้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สติปัฏฐานเป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญา ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมี กำลังปรากฏตามความเป็นจริงบุคคลของผู้อบรมนั้น ซึ่งจะต้องเป็นผู้ได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ มีความเข้าใจที่ถูกต้องในธรรม ที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม ไม่มีการเลือก ไม่มีการเจาะจง หรือไม่มีการเว้นไม่ให้รู้รูปนั้น นามนี้ เป็นต้น และสภาพธรรมที่เป็นที่ตั้งให้สติปัฏฐานเกิดนั้น ล้วนเป็นธรรมที่มีจริงทั้งสิ้น เมื่อประมวลแล้ว ไม่พ้นไปจาก กาย เวทนา จิต และธรรม
กายานุปัสสนาสติปัฏฏฐาน เป็นการระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฏที่กาย หรือที่เคยยึดถือว่าเป็นกายของเรา นั่นก็คือ มหาภูตรูป ๔ คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุลม ตึง ไหว ซึ่งจะต้องเห็นว่า ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่กายของเราเป็นเพียงรูปธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏเท่านั้น ควรที่จะได้พิจารณาว่าทุกคนมีกายแน่นอน แต่ว่าก่อนที่ได้ฟังธรรม เรายึดถือว่า กายเป็นของเรา หรือเป็นตัวเราแต่เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วรู้ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาแม้แต่คำว่า ธรรม คำเดียว ก็จะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า เมื่อเป็นธรรมแล้วก็ต้องไม่ใช่เรา
ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นธรรมที่มีจริงทั้งสิ้น และประการที่สำคัญ สติปัฏฐาน ไม่ใช่การคิดนึก แต่เป็นการระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง และก่อนที่จะไปถึงสติปัฏฐาน ก็ต้องเริ่มที่การสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เห็นกายในกาย คือ เห็นกายเป็นธรรม ไม่ใช่เห็นเป็นคน เป็นสัตว์ สิ่งของ ไม่ใช่เห็นกายเป็นจิต เห็นกายเป็นเวทนา ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาทุกท่านทั้งผู้ถามปัญหาและท่านผู้ตอบ ตลอดจนทุกท่านที่เข้ามาอ่านเพิ่มพูนความเข้าใจ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ANUMODHANA KAA
แม้การอ่านซ้ำ ก็ได้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่อ่าน ขออนุโมทนาแก่ทุกท่านผู้ให้ความรู้ความเข้าใจและทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบคุณและอนุโมทนากับกระทู้และคำอธิบายค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอบคุณ คุณ Paderm และคุณ Khampan มากๆ ครับ ถึงแม้จะเป็นปัญญาธรรมที่พิมพ์ทิ้งไว้หลายปีแล้ว แต่ก็ยังมีประโยชน์อย่างยิ่ง
สิ้นสุดจากการอ่านสองธรรมทาน ที่ทั้งสองท่านได้พิมพ์ทิ้งไว้อย่างแยบคายนั้น
ความเข้าใจในธรรม ที่ไม่เคยเข้าใจ ก็ได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้าอย่างนี้ว่า
"สภาพธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมอันเกิดจากภายใน หรือเป็นสภาพธรรมอันเกิดจากภายนอก หรือเป็นสภาพธรรมที่เกิดทั้งภายในและภายนอก จะเป็นสภาพธรรมที่ประณีต หรือหยาบ หรือเป็นในส่วนอดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็สักแต่เป็นเพียงแต่สภาพธรรมอย่างหนึ่งๆ อันเพียงสักแต่อาศัยสภาพธรรมอย่างอื่นเป็นปัจจัยในการสักแต่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่มีตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ทุกสิ่งไม่มีแก่นสาร สักแต่เป็นสภาพธรรมของมันไปอย่างนั้นๆ ".
สาธุธรรมอันล้ำค่าครับ 🙏🏻🙇🏻♂️
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ