พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายวิมานวัตถุเล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 559
๒. ปุริสวิมานวัตถุ
ปายาสิกวรรคที่ ๖
๕. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน
ว่าด้วยทุติยอุปัสสยทายกวิมาน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 559
๕. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน
ว่าด้วยทุติยอุปัสสยทายกวิมาน
พระมหาโมคคัลลานนะเถระ ได้ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[๖๙] พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างอยู่ในนภากาศ อันปราศจากเมฆฝน ฉันใด ฯลฯ พวกเราคือ ข้าพเจ้าและภรรยา เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก ได้ถวายที่อยู่แก่พระอรหันต์ มีจิตเลื่อมใส เมื่อบริจาคข้าวและน้ำอันไพบูลย์เป็นทานโดยเคารพ.
เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีวรรณะอย่างนี้ ฯลฯ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
จบทุติยอุปัสสยทายกวิมาน
อรรถกถาทุติยอุปัสสยทายกวิมาน
ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน มีคาถาว่า สุริโย ยถา วิคตพลาหเก นเภ เป็นต้น. ทุติยอุปัสสยทายกวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ สมัยนั้น ภิกษุเป็นอันมาก จำพรรษาวัดใกล้หมู่บ้าน พากันเดินทาง หมายกรุงราชคฤห์ เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า เวลาเย็นก็มาถึงหมู่บ้าน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 560
ตำบลหนึ่ง. คำที่เหลือก็เช่นเดียวกับวิมานก่อน.
ท่านพระมหาโมคคัลลานะ สอบถามว่า
ดวงอาทิตย์โคจรไปในอากาศ ส่องแสงสว่างในท้องฟ้าที่ปราศจากพลาหก [เมฆฝน] ฉันใด วิมานนี้ของท่านก็เปรียบฉันนั้น ฯลฯ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
วิมานนี้พึงทำให้พิสดารเหมือนวิมานก่อนในหนหลัง. แม้ในคาถานั้นก็กล่าวไว้แล้วทั้งนั้น.
จบอรรถกถาทุติยอุปัสสยทายกวิมาน