[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 555
เถราปทาน
สุปาริจริยวรรคที่ ๑๗
ทุสสทายกเถราปทานที่ ๘ (๑๖๘)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้า
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 555
ทุสสทายกเถราปทานที่ ๘ (๑๖๘)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้า
[๑๗๐] ในกาลนั้น เป็นพระราชโอรสอยู่ในพระนครอันรื่นรมย์ ชื่อว่า ติวรา เราได้ผ้าอันเป็นเครื่องบรรณาการแล้ว ได้ถวาย แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สงบระงับ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ทรงรับแล้ว ทรง ลูบคลำด้วยพระหัตถ์ ครั้นทรงรับแล้ว เสด็จเหาะขึ้นสู่ นภากาศ.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไป ผ้าตามไปเบื้องพระปฤษฎางค์ เรายังจิตให้เลื่อมใสในพระองค์ว่า พระพุทธเจ้า เป็นอัครบุคคล.
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้ถวายผ้าใดในกาลนั้น ด้วย การถวายผ้านั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า.
ในกัปที่ ๖๗ แต่กัปนี้ ในกาลนั้น ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้เป็นจอมมนุษย์มีนามว่าบริสุทธะ มีพละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระทุสสทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล.
จบทุสสทายกเถราปทาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 556
๑๖๘. อรรถกถาทุสสทายกเถราปทาน
อปทานของท่านพระทุสสทายกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ติวรายํ ปุเร รมฺเม ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระชินวรพุทธเจ้า พระองค์ก่อนๆ ทุกๆ ภพนั้นจะสั่งสมแต่บุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานเป็นประจำเสมอ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า สิทธัตถะ ท่านได้เกิดในราชสกุล พอทรงเจริญวัยแล้ว ได้รับตำแหน่ง เป็นพระยุพราช มีชื่อเสียง ได้รับชนบทแห่งหนึ่ง เป็นใหญ่ปกครอง ชนบทนั้น ทรงบำเพ็ญสังคหวัตถุ ๔ ประการ คือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา แก่ชาวชนบททั้งหมด. ในสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า สิทธัตถะ พระองค์ได้เสด็จไปถึงยังชนบท นั้นแล้ว. ครั้งนั้น พระยุพราชพระองค์นั้น ทรงได้รับเครื่องบรรณาการ แล้ว ทรงบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยผ้าเนื้อละเอียดในที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเอาพระหัตถ์ลูบคลำผ้าผืนนั้นแล้ว เสด็จขึ้นสู่อากาศ. แม้ ผ้าผืนนั้นก็ลอยติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าไปมิขาด ครั้นพอพระยุพราช พระองค์นั้นทอดพระเนตรเห็นความอัศจรรย์นั้นแล้ว เลื่อมใสยิ่งนัก ได้ ประทับยืนประคองอัญชลีแล้ว ในสถานที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไป ถึงแล้ว ประชาชนทั้งหมดมองเห็นความอัศจรรย์นั้นแล้ว พากันคิด อัศจรรย์ใจ ได้ยืนประคองอัญชลีแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จไป เฉพาะวิหารนั้นแล้ว ด้วยกุศลนั้นนั่นแล พระยุพราชนั้นจุติจากอัตภาพ นั้นแล ได้บังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติในเทวโลกนั้นแล้ว เกิด
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 557
ในมนุษย์โลก ได้เสวยสมบัติมีจักรพรรดิสมบัติเป็นต้นแล้ว ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้เกิดในตระกูลแห่งหนึ่ง ซึ่งสมบูรณ์ด้วยสมบัติมากมาย บรรลุนิติภาวะแล้ว ดำรงอยู่ในเพศฆราวาส เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้มีศรัทธาบวชแล้ว พยายามอยู่ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
วันหนึ่งท่านได้ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดความโสมนัสใจ เมื่อ จะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำ เริ่มต้นว่า ติวรายํ ปุเร รมฺเม ดังนี้. อธิบายว่า เราเป็นพระราชโอรส อยู่ในพระนครอันน่ารื่นรมย์ใจชื่อว่า ติวรา นั้น ได้นำเอาผ้าไปบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะแล้วแล. คำที่เหลือมีเนื้อความพอจะรู้ ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
จบอรรถกถาทุสสทายกเถราปทาน