สนทนาธรรมที่มูลนิธิ ฯ
ปฏิบัติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ก.ย. ๒๕๕๑
อรวรรณ ในกรณีที่ คุณลุงนิภัทรยกตัวอย่าง เหมือนเป็นผลของการอธิษฐานของท่าน จึงทำให้ท่านได้มาฟังท่านอาจารย์ หนูขอมองต่างมุม จริงๆ น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นบุญที่ได้สะสมไว้แต่ปางก่อนเป็นเหตุ เพราะจริงๆ หนูเองก็แสวงหาธรรม โดยที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ไปๆ มาๆ ก็ได้มีโอกาสมาเจอท่าน แล้วได้ฟังพระธรรมทางวิทยุนี่ โดยไม่ได้อธิษฐาน ไม่เคยอธิษฐานเลยว่าที่จะได้พบท่านอาจารย์ จำได้ว่าที่มาสนใจธรรม ครั้งแรกเพราะมีทุกข์ น้องชายไม่สบายเป็นมะเร็ง คิดว่าทำไมต้องเป็นเขา มันก็ไม่มีคำตอบ มีคนเอาหนังสือธรรมมาให้อ่านก็อ่าน เอ๊ะมีคำสอนแบบนี้ด้วยก็น่าสนใจ ก็เริ่มติดตาม ชีวิตคืออะไร ก็สนใจ แต่ศึกษา ก็เอ๊ะนี่ไม่ใช่นี่ น่าจะมีทางอื่น พอฟังวิทยุเจอว่า พอฟังแล้ว เออนี่ใช่เลย ก็เลยมาฟัง โดยไม่ได้อธิษฐาน คำถามคือว่าในความคิดคือว่า จะอธิษฐานหรือไม่อธิษฐาน น่าจะเป็นที่ว่า น่าจะเป็นการอบรมเจริญปัญญาให้เข้าใจสภาพธรรม เมื่อทราบว่า การได้คบสัตบุรุษ ได้ฟังธรรม การพิจารณาไตร่ตรองธรรมและการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม อันนี้จะเป็นเหตุปัจจัยให้ปัญญาเกิด ซึ่งที่ทราบก็คือ ต้องเจริญเหตุ แล้วผลก็จะตามมา แต่การอธิษฐาน ยกตัวอย่างว่า ถ้าคนที่อธิษฐานว่า เสาร์อาทิตย์จะมาฟังธรรม แต่จริงๆ แล้วไม่ได้มาฟัง แต่คนที่ไม่ได้อธิษฐาน แต่ตั้งใจว่า ถ้าไม่มีธุระอะไรที่จำเป็นจริงๆ ก็ต้องไป ซึ่งเป็นชีวิตที่เป็นปกติอยู่ จะเรียนถามว่า มันเป็นเรื่องเหตุผลอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่มีอธิษฐานเข้ามาเกี่ยว ในการอธิษฐานก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้ปัญญารู้ความจริง
ท่านอาจารย์ พระธรรมที่ทรงแสดง เพื่อให้เข้าใจถูก เห็นถูก แต่ไม่มีกฎเกณฑ์ หรือวางแผน จะทำอย่างนั้น หรือจะทำอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจว่า อธิษฐานคืออะไร ใครจะรู้ดีเท่ากับตัวเอง เพราะว่าเป็นภาษาไทย คนไทยก็จะชินกับคำว่า " ขอ " แล้วก็ดูง่าย แค่ขอ นึกขึ้นมาก็ขอ คนที่ขอเก่ง อะไรก็ขอ ของ่ายๆ ชอบขอเร็วๆ เป็นนิสัยก็เป็นไปได้ อยู่ดีๆ ก็ขอ ไหว้นิดหนึ่งก็ขอ อย่างนั้นก็มี เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่เป็นผู้ที่เข้าใจธรรม แต่พระธรรมที่ทรงแสดง คือให้เข้าใจแม้แต่สภาพของจิต ขณะที่คิดหรือตั้งใจอย่างนั้น เป็นกุศลหรืออกุศล และความตั้งใจที่มั่นคงขึ้น นี่ก็เป็นเรื่องเฉพาะที่ปัญญาเท่านั้น ที่สามารถจะรู้ได้ แต่ต้องมีความเข้าใจถูกนะค่ะ ว่าอธิษฐานไม่ใช่ขอ แต่เป็นความตั้งใจมั่น แล้วแต่ว่าเมื่อมีความตั้งใจมั่น จะกล่าวหรือไม่กล่าว ซึ่งเหมือนกับขอ แต่แล้วแต่สภาพของจิตในขณะนั้น อันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ จะขอเล่าให้ฟังว่า ก่อนศึกษาธรรมนี้ไม่ได้ขอเลย แล้วเวลาที่ศึกษาธรรมแล้ว ก็ไม่ได้ขอ แต่รู้ว่ากุศลนี้มีกำลังที่จะให้ผล เพราะฉะนั้น ขอ คือ ขอให้พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงแล้วจงเจริญรุ่งเรือง และขอให้อธรรมจงเสื่อมกำลังลง แต่ไม่ใช่เป็นของตัวเอง แต่รู้จริงๆ ว่า ไม่ว่าจะเป็นกุศลมากน้อยประการใดก็ตาม ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่มีกำลัง ที่จะเป็นไปได้ มากน้อยตามปัจจัยอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่เป็นแต่เพียงความปรารถนา หรือความตั้งมั่นที่จะให้พระสัทธรรม ที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงแล้วเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าในกาลสมัยนี้ ก็เท่าที่จะเป็นไปได้ ก็เป็นเรื่องที่ว่า ก่อนที่จะศึกษาธรรม ก็ไม่ได้ขอนะค่ะ
อรวรรณ อย่างเวลาไปกราบพระพุทธรูป สมัยก่อนจะจำได้ว่า จะต้องขอแน่นอน ให้ทำมาค้าขายขึ้น สุขภาพดี อายุยืน อะไรประมาณนั้น แต่พอเดี๋ยวนี้ ศึกษาธรรมแล้ว ทุกครั้งที่กราบ ก็จะระลึกถึงพระพุทธคุณของพระองค์ ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาถึง ๔ อสงขัยแสนกัปป์ และตรัสรู้อริยสัจจธรรมซึ่งมีคุณค่ามาก แล้วมีโอกาสที่ได้ฟัง แม้เข้าใจขั้นฟังก็เปลี่ยนไปเลย การกราบพระนี้จะทำให้เห็นกุศลจิต และอกุศลจิต สมัยก่อนขอ ก็แน่นอนเป็นโลภะ แต่เมื่อเข้าใจพระธรรม ก็จะทำให้ซาบซึ้งถึงพระคุณของพระองค์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีจนตรัสรู้ ได้ทรงสั่งสอนสัตว์โลก ให้พ้นทุกข์ตามท่าน...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอให้ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงแล้วจงเจริญรุ่งเรือง
และขอให้ อธรรมจงเสื่อมกำลังลง
...สาธุ...
ขออนุโมทนาค่ะ สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ฟังธรรม ฟังคำองค์พระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์สุจินต์ และคณาจารย์ทุกท่านที่ให้เกิดสนทนาธรรมอันกุศลยิ่งนี้ ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ