ดิฉันตั้งท้องได้หกเดือนเด็กเสียชีวิตในท้องคลอดเมื่อ 5/12/55 ดิฉันใส่บาตรกรวดน้ำอุทิศผลบุญให้บุตรสาวที่เสียชีวิตทุกวัน น้องเขาจะได้รับผลบุญหรือเปล่าค่ะ คนเป็นแม่คน ถึงน้องเขาจะ ไม่ได้ลืมตาดูโลกแต่ก็ยังเป็นห่วงเขา รักเขา ทุกวันนี้ก็ยังเสียใจ ไม่คิดว่าลูกจะจากเราไปตั้งแต่อยู่ในท้อง เอาใจใส่เขา ทุกอย่าง บำรุงทุกอย่าง น้องเขาจากเราไปโดยไม่พบสาเหตุ ดิฉันไม่เคยฝันเห็นน้องเขาเลย ผลบุญที่ดิฉันทำน้องเขาจะได้รับหรือเปล่าคะ
ขอบคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การอุทิศส่วนกุศลเป็นบุญประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้น โดยเมื่อมีการทำบุญประเภทต่างๆ แล้วก็มีจิตคิดให้ผู้อื่นรับรู้บุญที่ได้ทำมาเพื่อให้สัตว์นั้นได้อนุโมทนา ดังนั้นการอุทิศส่วนกุศลจึงเป็นเรื่องของจิต ที่มีเจตนาให้ผู้อื่นรู้ในบุญที่ตนได้กระทำครับ
ซึ่งผู้ที่จะได้รับส่วนกุศล ในการอุทิศให้นั้น ผู้นั้นจะต้องอยู่ในฐานะที่สามารถรับได้ คือ เกิดเป็นเปรต หรือเกิดเป็นเทวดา เมื่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ทราบการอุทิศให้ของญาติ และเกิดจิตอนุโมทนา ก็สามารถรับผลของบุญนั้นได้ อันเกิดจากกุศลจิตของผู้นั้นที่อนุโมทนาเอง แต่หากว่า ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ไปเกิดเป็นมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เกิดในนรก ก็ไม่สามารถล่วงรู้ และ อนุโมทนาในบุญ ก็ไม่สามารถรับ ส่วนกุศลในการอุทิศนั้นได้ ครับ
ในชีวิตของสังสารวัฏฏ์ที่เกิดมา ก็เคยเกิดเป็นญาติ เป็นพี่น้อง เป็นสามี ภรรยา และเกิดในฐานะต่างๆ กันมากันนหมดแล้ว เพราะ สังสารวัฏฏ์ยาวนาน นับชาติไม่ถ้วน เพราะฉะนั้น การเกิดเป็นทุกข์ ทุกคนก็ต่างมา ตามกรรมของตน และ ต่างก็ไปตามกรรมของตน การกิดเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะจะต้องมีความเสียใจ อันเกิดจากการพลัดพราก พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งทุกข์ คือ ความติดข้อง โลภะ และกิเลสอื่นๆ ที่มีในจิตใจ มีความไม่รู้ เป็นต้น ที่ทำให้จะต้องเกิดร่ำไป ไม่สิ้นสุด และทุกข์กาย ทุกข์ใจ ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น สำคัญที่ ควรใช้เวลาของตนที่มีอยู่ใช้ชีวิตให้มีค่า ให้สมกับการได้เกิดเป็นมนุษย์ คือ การเจริญกุศลทุกๆ ประการ และที่ขาดไม่ได้เลย คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพราะกุศลไม่ใช่มีเพียงแค่ทาน และ ศีล แต่ กุศลยังมีอีกมาก และ กุศลเพียงขั้นเบื้องต้น ก็เพียงทำให้เกิดที่ดีๆ และ ได้รับสิ่งที่ดีๆ แต่ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เที่ยง และ ไม่สามารถทำอะไร หรือ ละกิเลสในจิตใจได้เลย ก็ยังจะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป ควรที่จะศึกษาพระธรรม อบรมปัญญา ดังเช่น พระอริยสาวก ที่บุตรท่านเสียชีวิต ก็พิจารณาความจริงว่า เราเสียใจร้องไห้มาแล้วในสังสารวัฏฏ์นับชาติไม่ถ้วน น้ำในมหาสมุทรยังน้อยกว่า น้ำตาของเราที่เสียใจ เพราะ คนอื่นจากไป ควรที่จะแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพราะมิฉะนั้นแล้ว ก็จะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป ชีวิตที่ประเสริฐ คือ ชีวิตที่มองอย่างยาวไกล ไม่ใช่เพียงแค่ ชีวิตของคนอื่นเท่านั้น ต่างคนก็ต่างไปตามกรรมของตน สำคัญที่ตนเองที่จะละกิเลสด้วยการศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-บุคคลผู้ที่ยังมีความเศร้าโศกอยู่นั้น ก็เพราะยังมีกิเลส ยังมีความติดข้อง ยินดีพอใจ ยังมีอวิชชาอยู่ จึงต้องมีความเศร้าโศกเป็นธรรมดา สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้น ค่อนข้างจะหายากเมื่อพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักที่พอใจแล้ว จะไม่เศร้าโศกเสียใจ ย่อมมีแน่ๆ จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง ซึ่งก็เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แต่เมื่อได้อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ก็จะทำให้ความเข้าใจเจริญขึ้น เข้าใจความจริงยิ่งขึ้น ความเศร้าโศกเสียใจก็จะค่อยๆ ละคลายไปคล้อยตามความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น
เป็นความจริงที่ว่า ชีวิตของแต่ละบุคคลที่เกิดมาแล้ว ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า ด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครหลีกพ้นได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้น ผู้ที่เป็นบุตรย่อมทอดทิ้งมารดาบิดา ผู้ที่เป็นมารดาบิดา ย่อมทอดทิ้งบุตร ด้วยความตายที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นธรรมดา ความตายเป็นสัจจธรรมที่ทุกคนจะต้องประสบอย่างแน่นอน ดังนั้น ในเมื่อทุกคนต้องตายอย่างแน่นอน
จึงควรพิจารณาอยู่เสมอว่าก่อนที่วันนั้นจะมาถึงเราควรทำอะไรบ้าง? การเจริญกุศลประการต่างๆ พร้อมทั้งฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม น้อมประพฤติตามพระธรรม นั้นเป็นความดีที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าบุคคลผู้ไม่ประมาทในชีวิตอันมีประมาณน้อยนี้ ย่อมไม่เดือดร้อนทั้งในโลกนี้และในโลกหน้าอย่างแท้จริง -กุศลที่ตนเองได้กระทำ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดก็ตาม ก็สามารถอุทิศได้ เป็นความปรารถนาดีที่มีต่อผู้อื่นเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นในการกุศลจิตอนุโมทนา เขาจะรับรู้แล้วเกิดกุศลจิตอนุโมทนาหรือไม่ ก็ตามควรแก่ฐานะของผู้นั้น อย่างไรก็ตาม กุศลที่ตนเองได้ทำ ย่อมไม่ไร้ผล ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ถ้าเขาเกิดเป็นเปรต หรือ เทวดา ก็สามารถอนุโมทนาได้ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ หรือ สัตว์เดรัจฉาน ก็ไม่สามารถอนุโมทาได้ แต่บุญก็เป็นของผู้อุทิศเอง ค่ะ
ทำไมคะในเมื่อได้เกิดมาเป็นคนแล้ว ทำไมต้องเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่มีโอกาสแม้จะลืมคาดูดูโลก ไม่พร้อมแล้วมาเกิดได้ด้วยหรือคะ มีคนเคยพูดว่าน้องเขาทำกรรมมาแค่นั้นเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม หมดแล้วน้องเขาก็ต้องไป บางคนก็พูดว่าน้องเขาหนีมาเกิด ยังไม่ถึงเวลาเขาก็ต้องเอากลับไป จริงเท็จประการใดคะ ช่วยแนะนำด้วย
ขอขอบพระคุณมากค่ะ
เรียนความเห็นที่ 4 ครับ
สำหรับ การสิ้นชีวิต เร็ว หรือ ยืนนาน ก็เพราะ กรรมที่ทำแล้วให้ผล ครับ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า ผู้ที่มีอายุสั้น เช่น แม้แต่สิ้นชีวิตในท้อง เพราะ เหตุว่ากรรม คือ การฆ่าสัตว์ มาให้ผล ทำให้ ผู้นั้น สิ้นชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น สิ้นชีวิตในครรภ์ ครับ ส่วนผู้ที่อายุยืนยาว เพราะ กรรมที่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ อุปถัมภ์ให้ มีอายุยืน ครับ
จึงไม่เกี่ยวกับการหนีเกิด แต่อยู่ที่กรรมของแต่ละคนที่ทำมา เพราะ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ครับ แม้แต่ บุตรที่เสียชีวิตในท้อง ก็เพราะ อกุศลกรรม คือ การฆ่าสัตว์ให้ผล ทำให้ สิ้นชีวิตในอายุที่ยังน้อยมากได้ ครับ ขออนุโมทนา
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 495
๑๐.สัพพลหุสสูตร
[๑๓๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปาณาติบาตอันบุคคลเสพแล้วเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย
วิบากแห่งปาณาติบาตอย่างเบาที่สุด ย่อมยังความเป็นผู้มีอายุน้อยให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์.
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอสอบถาม กรณีสัตว์ที่ไม่สามารถอนุโมทนาบุญได้ ข้าพเจ้า สวดมนต์ทำวัตรเช้า จะมีบทกรวดน้ำตอนเช้า ตอนหนึ่งว่า สัตว์เหล่าใด รู้ส่วนบุญที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว สัตว์เหล่านั้น จงอนุโมทนาเองเถิด ส่วน สัตว์เหล่าใด ยังไม่รู้ส่วนบุญนี้ ขอเทวดาทั้งหลาย จงบอกสัตว์เหล่านั้น ให้รู้ การบอกของเทวดา ทำให้สัตว์นั้นรู้ และอนุโมทนา ได้หรือไม่ หากได้ หมายถึง สัตว์ใดบ้าง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"วิบากแห่งปาณาติบาตอย่างเบาที่สุด ย่อมยังความเป็นผู้มีอายุน้อยให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์."
".....ชนผู้มีจิตปฏิพัทธ์ในชน ย่อมเดือดร้อน..."
อ้างจากพระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ชีวิตแสนประเสร็ฐ ที่เกิดมาได้ฟังธรรม
ขอขอบคุณ และขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
เรียนความเห็นที่ 8 ครับ
โดยมาก ญาติจะอนุโมทนาในส่วนบุญของผู้ทำ ไม่ใช่ เทวดาบอกให้แล้วอนุโมทนา เพราะ จะต้องเป็นการอุทิศของผู้ที่ทำบุญ ไม่ใช่ผุ้ที่ไปบอกต่อ อุทิศให้ ครับ