กายปสาทรูป
กาย (กาย) + ปสาท (ใส ผ่องใส) + รูป (เสื่อมสลาย ไม่รู้อารมณ์)
รูปที่มีความผ่องใสคือกาย หมายถึง รูปที่เกิดจากกรรม มีความผ่องใส สามารถรับกระทบโผฏฐัพพารมณ์ มีสัณฐานเหมือนร่างแหซึมซาบอยู่ทั่วร่างกาย เว้นปลายผม ขนเล็บ หนังที่หนา และส่วนที่ไม่มีความรู้สึก ทำหน้าได้ ๒ อย่าง คือ
๑.เป็นกายวัตถุ ที่เกิดของกายวิญญาณ ๒ ดวง
๒.เป็นกายทวาร ทางรู้อารมณ์ของกายทวารวิถีจิต
1. ถ้าไม่มี "เวทนาเจตสิก" เกิดร่วมกับ "กายปสาทรูป" คนเราก็จะไม่รู้สึกเจ็บใช่ไหม 2. คนที่สลบไปหรืออยู่ในโคม่า ไม่รู้สึกเจ็บเพราะเหตุดังกล่าว (ข้อ1) ใช่หรือไม่
1. เวทนาเจตสิก เป็นสัพพจิตตสาธารณเจตสิก เกิดร่วมกับจิตทุกดวง แต่ไม่เกิดร่วมกับรูปใดๆ รูปธรรมไม่ใช่สภาพรู้ ธาตุรู้ อาการรู้ เวทนาเจตสิกจึงเกิดร่วมกับกายปสาทรูปไม่ได้แต่เวทนาเจตสิกเกิดร่วมกับกายวิญญาณกุศลวิบาก๑ กายวิญญาณอกุศลวิบาก ๑ได้ซึ่งในภูมิที่มีขันธ์ ๕ นามธรรมอาศัยรูปธรรมที่เกิดขึ้นก่อน เพื่อรู้อารมณ์โดยปัจจัยต่างๆ แต่ว่านามธรรมเกิดร่วมกับรูปธรรมไม่ได้ เพราะรูปธรรมมีสมุฏฐานที่เกิดของรูปธรรมแยกออกไปต่างหาก เหตุนี้การเกิดเป็นมนุษย์ ถ้าเวทนาเจตสิกเกิดร่วมกับกายวิญญาณที่เป็นกุศลวิบากเท่านั้นจึงจะไม่รู้สึกเจ็บปวด
2. คนที่สลบนั้น ถ้าไม่สลบเหมือนหลับสนิทบางทีเหมือนกับว่าจะรู้อารมณ์ได้แต่ไม่รู้เพราะชวนวิถีจิตไม่เกิด วาระของจิตที่เกิดขึ้นจึงเป็นโมฆวาระบ้าง โวฏฑัพพนวาระบ้าง หรือชวนวาระแต่มีเพียง ๖ ขณะบ้าง ส่วนคนที่อยู่ในขั้นโคมา จิตไม่ได้รู้อารมณ์ของโลกนี้ทางทวารต่างๆ กล่าวได้ว่าไม่ต้องเดือดร้อนใจหลังจากเห็นได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสหรือคิดนึก เพราะเหตุว่าจิตรู้อารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต ซึ่งขณะที่เป็นโคมานั้น เหมือนหลับสนิท เพราะฉะนั้น ก็มีแต่ภวังคจิตทำกิจดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนั้นไว้จนกว่าจะตื่นขึ้นรับรู้อารมณ์ของโลกนี้อีกครั้ง...หรือว่าถึงแก่กรรม
ขอบคุณมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ