ชาตินี้เราได้เกิดมาเป็นคนไทยและนับถือพระพุทธศาสนามาแต่เริ่มรู้ประสา แต่ชาติก่อนๆ เราก็เคยเกิดมา โดยที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาเหมือนกันใช่มั้ยครับ อย่างเช่น ไปเกิดในสหรัฐ ก็นับถือคริสต์ หรือประเทศมุสลิม หรืออื่นๆ ... และถ้าเราต้องการพบพระพุทธศาสนาไปทุกภพทุกชาติ จะต้องทำ/สร้างเหตุปัจจัย อย่างไรบ้างครับ?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตของสัตว์โลกก็เกิดมานับชาติไม่ถ้วน และ เกิดเป็นสัตว์อื่นๆ มากมาย เพราะฉะนั้น การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก โดยมากก็เกิดในทุคติภูมิ คือ สัตว์ดิรัจฉาน นรก เหล่านี้ ก็ไม่ได้พบพระพุทธศาสนา หรือ พบแล้วก็ฟังไม่รู้เรื่อง และแม้ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว การจะได้พบพระพุทธศาสนาก็เป็นของยาก ด้วยเหตุว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นยากมากในโลก โอกาสเวลาที่ประจวบเหมาะ ที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ และ ได้พบพระพุทธศานาจึงยากอย่างยิ่ง เพราะโดยมาก ก็เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็ไม่มีพระพุทธศาสนาเลยไปนับถือศาสนาอื่นๆ ก็มีมากมาย นับชาติไม่ถ้วน
ซึ่งเหตุที่จะทำให้ได้พบพระพุทธศาสนา คงไม่กล่าวว่าทุกชาติ เป็นไปไม่ได้เลย แม้พระโพธิสัตว์ก็ไม่ได้เจอพระพุทธศาสนาทุกๆ ชาติเสมอไป แต่เหตุที่ได้พบ ก็จะต้องเป็นบุญเก่าที่สะสมไว้แต่ปางก่อน เรียกว่า ปุพเพกตปุญญตา คือ บุญที่เคยทำไว้แต่ชาติปางก่อน ซึ่ง เหตุ คือ บุญ กุศลที่ประกอบด้วยปัญญา เช่น การได้ฟังพระธรรมและเกิดความเข้าใจ ปัญญาในอดีตชาติ ก็จะเป็นปัจจัยให้อนาคต ได้พบระพุทธศาสนา ได้พบสัตบุรุษ เป็นต้นครับ เพราะฉะนั้นสะสมเหตุในชาตินี้พบพระพุทธศาสนา แล้วก็สะสมเหตุที่ดี คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป ความเข้าใจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่เป็นกุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญา ย่อมจะเป็นปัจจัยในอนาคตได้พบพระพุทธศาสนาและได้อบรมปัญญา ดั่งเช่น ชาตินี้ได้บพระพุทธศานา ได้ฟังพระธรรม ก็เพราะบุญเก่าในชาติก่อน เหมือนการทำกุศลในชาตินี้นั่นเอง ครับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า การเกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งที่ได้แสนยาก เพราะจะต้องได้ด้วยผลของกุศล ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นผลของกุศลประเภทใด ขึ้นอยู่กับว่ากุศลประเภทใดจะให้ผล [ซึ่งต้องไม่ใช่ผลของฌานขั้นต่างๆ อย่างแน่นอน เพราะผลของฌานขั้นต่างๆ ทำให้เกิดในพรหมโลก ตามระดับขั้นของฌาน] ถ้าเทียบกันระหว่างสุคติภูมิ กับอบายภูมิแล้ว การไปเกิดในอบายภูมิ ไปได้ง่ายกว่าสุคติภูมิจริงๆ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเปรียบเทียบไว้ด้วยข้ออุปมาฝุ่นที่ปลายพระนขา (เล็บ) ที่พระองค์ทรงช้อนขึ้นมา กับ ผืนแผ่นดินว่า ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อยเหมือนกับฝุ่นที่อยู่ปลายพระนขาของพระองค์ ส่วนผู้ที่ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ มีมาก เหมือนกับผืนแผ่นดิน ซึ่งควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็จะเป็นผู้ไม่รู้ต่อไป ไม่คุ้มค่าเลยกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งได้ยากแสนยาก แต่ไม่ได้สะสมปัญญา ก็จะทำให้ตายไปพร้อมกับความไม่รู้ และจะไม่รู้อีกต่อไปนานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ ยากที่จะพ้นไปได้ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไปตามลำดับ ได้สะสมความดี และ สะสมปัญญา ย่อมเป็นชีวิตที่คุ้มค่า คุ้มค่าแล้วกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีอวัยวะครบถ้วน[พร้อมที่จะรองรับพระธรรม] และได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังพระธรรมซึ่งหาฟังได้ยากเป็นอย่างยิ่งจากบุคคลผู้มีปัญญา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ควรที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรม คือ นามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ต่อไป เวลาของแต่ละบุคคล เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ถ้าไม่เริ่มฟัง ไม่เริ่มศึกษาตั้งแต่ในขณะนี้ การที่จะฟัง การที่จะศึกษาในขณะต่อๆ ไป ก็จะมีไม่ได้ เริ่มต้นตั้งแต่ในขณะนี้ เป็นการดีอย่างยิ่ง ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การเป็นชาวพุทธ ยากมาก เพราะจะต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจถูกตรงตามพระธรรม เป็นคนมีศีล มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของคุณความดี ไม่ละเลยโอกาสสำคัญที่จะทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่าเกิดมาในประเทศไทยแล้ว จะเป็นชาวพุทธ ทั้งหมด ต้องเป็นเรื่องของความเข้าใจถูกเห็นถูกอย่างแท้จริง
การได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในภพนี้ชาตินี้ ก็แสดงว่าต้องเป็นผู้เคยได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เคยได้ฟังพระธรรม เคยเห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว จึงสนใจที่จะฟัง ที่จะได้ศึกษาสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกต่อไป ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมา แม้เสียงของพระธรรมจะอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ฟัง เพราะเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่หลั่งศรัทธามาที่จะรองรับพระธรรม ตามความเป็นจริงแล้ว ชีวิตของผู้ที่ยังมีกิเลส ก็เป็นไปกับด้วยอำนาจของกิเลสเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ โลภะ ความติดข้องยินดีพอใจในสิ่งต่างๆ และกิเลสประการอื่นๆ ด้วย คงไม่มีใครที่จะฟังพระธรรมได้ทั้งวัน ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ชีวิตก็เป็นไปอย่างปกติ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมแม้ว่าจะไหลไปด้วยอำนาจของกิเลสบ้าง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังบ้างในวันหนึ่งๆ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามโอกาสที่มี เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล แม้เพียงเล็กน้อย ก็มีประโยชน์ เป็นประโยชน์แล้วที่ได้ยิน ได้ฟังในแต่ละครั้ง เพราะบุคคลผู้เป็นบัณฑิต ท่านย่อมรู้ว่า การที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้นั้น ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ขณะนี้ก็ได้สะสมเหตุที่ดีไว้แล้ว เพราะถ้าไม่มีการเริ่มต้นเลยก็จะไม่มีเหตุให้ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมต่อไปอีก ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ต้องฟังธรรม เจริญกุศล เจริญปัญญา มีความตั้งใจแน่วแน่ ในกุศลที่ทำ จะทำให้พบพระพุทธศาสนา ค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ