เรียน ท่านวิทยากร
ขอเรียนถามว่าในสมัยพุทธกาลผู้ที่ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุธรรมขั้นต่างๆ ในอดีตชาติท่านเหล่านั้นเคยเจริญสติปัฎฐานมาก่อนหรือไม่ และในชาตินี้อาศัยการฟังอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้เจริญสติปัฎฐานจะเป็นปัจจัยให้บรรลุได้หรือไม่
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทางสายเอก สายเดียว คือ การเจริญสติปัฏฐาน หรือ อริยมรรคมีองค์ 8 ซึ่งเป็นปัญญาขั้นปฏฺบัติ แต่กว่าจะถึงปัญญาขั้นปฏิบัติได้ ก็จะต้องเริ่มจากปัญญาขั้นการฟัง คือ ปริยัติ คือ การฟัง ศึกษาพระธรรม เมื่อปัญญาถึงพร้อม ปัญญาก็เกิดรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา นั่นคือ สติปัฏฐานเกิด เพราะฉะนั้น ฟังพระธรรม ก็เป็นปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิด ครับ ขณะที่ฟังธรรม ขณะที่เข้าใจ ก็เกิดมหากุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญา และ เมื่ออาศัยการฟังมากขึ้น เกิด กุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญามากขึ้น ในขั้นการฟัง ย่อมถึงปฏิบัติ คือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิดรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา และ เมื่อมีการเกิดสติปัฏฐานบ่อยๆ ย่อมถึงปัญญาที่มีกำลัง เกิด วิปัสสนาญาณในแต่ละขั้น ซึ่งมีทั้งหมด 16 ขั้นไปตามลำดับ จนถึง มรรคจิต ผลจิตดับกิเลส ถึงความเป็นพระอริยบุคลได้ ครับ ซึ่งผู้ที่อบรมปัญญาเกิดสติปัฏฐาน ก็ต้องเคยอบรมในอดีต สะสมเหตุมาก่อนครับ
สมดังพระพุทธพจน์ที่ว่า ต้องอาศัยการฟังธรรม พิจารณาธรรมโดยแยบคาย และการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม คือ ปัญญาเกิดในขณะที่ฟังธรรมนั่นเอง ย่อมถึงความเป็นพระโสดาบันครับ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 279
๕. ทุติยสาริปุตตสูตร
ว่าด้วยองค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดา
[๑๔๒๗] ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถามท่านพระสารีบุตรว่า ดูก่อนสารีบุตรที่เรียกว่า โสตาปัตติยังคะ * ๆ ดังนี้ โสตาปัตติยังคะเป็นไฉน
[๑๔๒๘] ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญโสตาปัตติยังคะ คือ สัปปุริสสังเสวะ การคบสัตบุรุษ ๑ สัทธรรมสวนะฟังคำสั่งสอนของท่าน ๑ โยนิโสมนสิการ กระทำไว้ในใจโดยอุบายที่ชอบ ๑ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑.
[๑๔๒๙] พ. ถูกละๆ สารีบุตร โสตาปัตติยังคะ คือ สัปปุริสสังเสวะ ๑ สัทธรรมสวนะ ๑ โยนิโสมนสิการ ๑ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ๑.
ฯลฯ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การอบรมเจริญสติปัฏฐาน เป็นหนทางที่พระอริยเจ้าทั้งหลายดำเนินมาแล้ว การอบรมเจริญสติปัฏฐาน เป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การดับกิเลสประการต่างๆ ได้ในที่สุด สภาพธรรมที่ปัญญาจะประจักษ์แจ้งได้นั้น ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวัน ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ
เพราะฉะนั้นแล้ว จึงต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทั้งในเรื่องของรูปธรรม นามธรรมในชีวิตประจำวันบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อเป็นเครื่องปรุงแต่งให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งจะเป็นไปเพื่อการละคลายความยึดถือในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนได้ เพราะเหตุว่าไม่มีหนทางอื่นที่จะเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์หมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลายได้เลย นอกจากการอบรมเจริญสติปัฏฐานในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะต้องมีรากฐานที่สำคัญจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ถ้าไม่มีความเข้าใจตั้งแต่ขั้นการฟัง แล้ว ปัญญาขั้นต่อไปๆ จนถึงการบรรลุมรรคผล ก็มีไม่ได้ ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สาธุ
รู้สึกว่าเราโชคดีที่จะฟังธรรมะของท่านอาจารย์สุจินต์ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมจริง คำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้านามว่าพระโคดมทรงแสดง ถ้าหากไม่มีท่านอาจารย์สุจินต์ พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคงอันตธานไปจากใจเรา เพราะเราไม่เคยได้ฟังพระธรรมที่ลึกซึ้งแบบนี้จากใครในประเทศไทยเลย วิธีการสนทนาธรรมของท่านอาจารย์ทำให้เราเข้าใจธรรมะและตรวจสอบความเข้าใจในพระธรรมของเราได้เป็นอย่างดี ถ้าหากชีวิตนี้ของเราไม่มีโอกาสฟังพระธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์กรุณาสอนพวกเรา เราคงจะเกิดตายเปล่า โดยไม่รู้ความจริงของพระธรรมเพิ่มขึ้นเลย อนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์สุจินต์และทุกท่านในบ้านธรรมะที่มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตให้แก่พวกเราค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างสูง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ