อัพยากฤต...แปลว่า อะไรคะ?
โดย ดวงทิพย์  7 ต.ค. 2556
หัวข้อหมายเลข 23793

คำว่า....ธรรมเป็นอัพยากฤต.... อัพยากฤต แปลว่าอะไรคะ ขอบคุณคะ


ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 7 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อัพยากฤต โดยศัพท์ คือ สภาพธรรมที่ไม่กระทำให้แจ้ง ธรรมที่ไม่พยากรณ์แล้ว คือ สภาพธรรมที่ไม่ใช่กุศลและ ไม่ใช่ อกุศล ดังนั้น อัพยากฤต จึงหมายถึง สภาพธรรมที่เป็น วิบากจิต และ วิบากเจตสิก กิริยาจิต และ กิริยาเจตสิก นิพพาน และรูปธรรม จัดเป็นอัพยากฤตธรรม ครับ

ดังนั้น อัพยากตธรรม คือ ปรมัตถธรรมใดๆ ทั้งหมดที่ไม่ใช่กุศลธรรมและอกุศลธรรม ฉะนั้น เมื่อจำแนกจิตและเจตสิกโดยธรรม ๓ หมวด คือ กุศลธรรม อกุศลธรรม และ อัพยากตธรรม จิตและเจตสิกที่เป็นอัพยากตธรรม ก็ได้แก่วิบากจิตและวิบากเจตสิก กิริยาจิต และกิริยาเจตสิก เมื่อจำแนกปรมัตถธรรม ๔ คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน โดยประเภทของกุศลธรรม อกุศลธรรม และอัพยากตธรรมนั้น

กุศลจิตและเจตสิก เป็น กุศลธรรม

อกุศลจิตและเจตสิก เป็น อกุศลธรรม

วิบากจิตและเจตสิก เป็น อัพยากตธรรม

กิริยาจิตและเจตสิก เป็น อัพยากตธรรม

รูปทุกรูป เป็น อัพยากตธรรม

นิพพาน เป็น อัพยากตธรรม


พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑

กุสลา ธมฺมา ธรรมเป็นกุศล

อกุสลา ธมฺมา ธรรมเป็นอกุศล

อพฺยกากตา ธมฺมา ธรรมเป็นอัพยากฤต

ฯลฯ


ธรรมที่ชื่อว่า อัพยากตะ เพราะอรรถว่า ไม่กระทำให้แจ้ง อธิบายว่า ท่านไม่กล่าวไว้โดยความเป็นกุศลและอกุศล. ในบรรดาธรรมทั้งสามนั้น กุศลมีความไม่มีโทษและมีวิบากเป็นสุขเป็นลักษณะ. อกุศลมีโทษและมีทุกข์เป็นวิบากเป็นลักษณะ อัพยากตะมีอวิบากเป็นลักษณะ.

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

อัพยากตธรรม

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 7 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อัพยากฤต - อัพยากตธรรม - ธรรมที่เป็นอัพยากตะ ทั้ง ๓ นี้ ล้วนมีความหมายอย่างเดียวกัน คือ เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ แต่เป็นธรรมที่ไม่ใช่ทั้งกุศล และไม่ใช่ทั้งอกุศล ว่าโดยพยัญชนะแล้ว คือ เป็นธรรมที่พระองค์ไม่ทรงแสดงว่าเป็นกุศลและอกุศล ตามความเป็นจริงของสภาพธรรม

ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ว่า นอกเหนือไปจากกุศลธรรมและอกุศลธรรม แล้ว ก็เป็นอัพยากตธรรมทั้งหมด

ธรรมที่เป็นกุศล ได้แก่ กุศลจิต และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย

ธรรมที่เป็นอกุศล ได้แก่ อกุศลจิต และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย

ธรรมที่เป็นอัพยากตธรรม ได้แก่ วิบากจิต (และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย) กิริยาจิต (และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย) รูปธรรมทั้งหมด และ พระนิพพาน

เป็นการแสดงถึงธรรมที่มีจริงๆ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตนแทรกอยู่ในสภาพธรรมเหล่านั้นเลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 7 ต.ค. 2556

อัพยากต คือ ธรรมที่ไม่ใช่กุศล และ ธรรมที่ไม่ใช่อกุศล แต่เป็นวิบาก เป็นต้น ค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย ดวงทิพย์  วันที่ 7 ต.ค. 2556

-ขอขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองท่านคะ

เข้าใจลึกซึ้งขึ้นคะ

แม้จะเปิดพจนานุกรมพุทธศาสน์แล้วแต่ไม่ละเอียดเท่าคะ


ความคิดเห็น 5    โดย ดวงทิพย์  วันที่ 7 ต.ค. 2556

ก่อนหน้านี้ได้ยินว่า เป็นธรรมกลางๆ ซึ่งความเข้าใจคำว่า กลางๆ ก็ไม่ชัดค่ะ พอไปคิดเอาเองก็มีโอกาสผิดมากทีเดียวคะ


ความคิดเห็น 6    โดย เทวดา  วันที่ 8 ต.ค. 2556
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 23793 โดย ดวงทิพย์ คำว่า....ธรรมเป็นอัพยากฤต.... อัพยากฤต แปลว่าอะไรคะ ขอบคุณคะ

อัพยากฤต หมายถึง “ซึ่งท่านไม่พยากรณ์” บอกไม่ได้ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล คือ เป็นกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว ไม่ใช่กุศลไม่ใช่อกุศล (จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับพระธรรมปิฎกฯ) นั่นก็หมายความ ธรรมะ ต่างๆ ที่สามารถเป็นสิ่งดี ก็ได้ เป็นสิ่งไม่ดีก็ได้ หรือ ให้หลุดพ้นก็ได้,ให้เป็นทุกข์ก็ได้ ยกตัวอย่าง เช่น ระลึก ดำริ หลักธรรมนี้ ในทางพระไตรปิฎก จะมีเพียงแต่ ระลึกชอบ ดำริชอบ อันเป็น กุศลธรรม เท่านั้น แต่ คำว่า "ระลึก ดำริ"นี้ เป็น อัพยากฤต ธรรม คือ ธรรมที่เป็นกลาง จะดีก็ได้ จะไม่ดีก็ได้ จะทำให้เป็นทุกข์ก็ได้ จะให้หลุดพ้นก็ได้ เช่นกัน


ความคิดเห็น 7    โดย j.jim  วันที่ 9 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย ทรงศักดิ์  วันที่ 14 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ก.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)