ดิฉันเคยได้ยินมาว่า ถ้าอยากรู้ว่าคนคนนั้นมีนิสัยอย่างไร ให้ดูเพื่อนฝูงของคนคนนั้น จึงทำให้ดิฉันคิดขึ้นได้ว่าแม้ตัวดิฉันจะไม่ได้เป็นคนดีนัก แต่การอยู่ในสังคมที่ไม่จริงใจ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง แสดงว่าดิฉันก็ต้องเป็นคนเช่นนั้นใช่ไหม เมื่อมองคนรอบข้างแล้วจึงหันมามองตัวเอง จึงพยายามปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเอง ให้มีความจริงใจและพยายามไม่นินทาลับหลัง เพราะทุกครั้งที่ทำสิ่งไม่ดี ก็รู้สึกว่าเป็นอกุศลจิตจริงๆ หลังจากนั้นดิฉันก็ไม่ได้ฝืนอัธยาศัยตัวเอง แต่รู้สึกว่าไม่ชอบทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดหรือการกระทำที่ไม่จริงใจและนินทาลับหลัง จึงทำให้ดิฉันห่างเหินจากกลุ่มเพื่อนฝูง ไม่อยากคบหามากนัก จนบางครั้งดูเหมือนแตกแยกออกจากกลุ่ม แต่เมื่อดิฉันได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งอ่านข้อความของคุณแล้วเจอกันที่ว่า ถ้าไม่มีเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรแล้วไซร้ให้พึงเที่ยวไปเหมือนนอแรด (ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือเปล่า) และทุกครั้งที่ เข้ามาอ่านธัมมะในบ้านธัมมะนี้ก็ทำให้ดิฉันคิดได้ว่าเรายังมีเพื่อนที่แท้จริง เพราะกัลยาณมิตรนั้นหาได้ยากในโลก ช่วยแนะนำดิฉันด้วยว่าที่ดิฉันทำอยู่นี้ถูกต้องหรือไม่
ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คือบุคคลคบคนเช่นใดย่อมเป็นเช่นเดียวกับคนนั้น แต่การอยู่ร่วมกันของสังคมครอบครัว สังคม เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องอยู่ร่วมกัน แต่เราไม่คบ คือไม่ตามอย่างที่เขาทำ เขาพูด ไม่สนิทสนมด้วย ชื่อว่าไม่คบ แต่ผู้ที่ศึกษาพระธรรมของพระพุทธองค์ซึ่งเป็นบัณฑิต น้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตามคำสอน ชื่อว่า คบกับพระธรรมและกัลยาณมิตรที่ศึกษาร่วมกัน คือ เราไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกได้ ต้องอาศัยผู้ที่ศึกษามาก่อนคอยแนะนำชี้ทางที่ถูกต้องตามหลักธรรม
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ มิฉะนั้นจะไม่ทรงแสดงมงคลข้อที่ ๑ เลย การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิตเป็นอุดมมงตล เชิญคลิกฟังที่นี่ครับ. อันตรายที่สุดคือคลุกคลีกับความเห็นผิด ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต ไม่ประมาท
[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้าที่ ๒๐๐
๖. ทธิวาหนชาดก
[๒๒๑] (พระเจ้าทธิวาหนะตรัสถามว่า) แต่ก่อนมะม่วงต้นนี้บริบูรณ์ด้วยสี กลิ่น และรส ได้รับการบำรุงอยู่เช่นเดิม เหตุไรจึงมีผลขื่นขมไปเล่า.
[๒๒๒] (พระโพธิสัตว์ทูลว่า) ข้าแต่พระเจ้าทธิวาหนะ มะม่วงของพระองค์มีต้นสะเดาล้อมอยู่ รากต่อรากเกี่ยวพันกัน กิ่งต่อกิ่งเกี่ยวประ-สานกัน เหตุที่อยู่ร่วมกันกับต้นสะเดาที่มีรสขมมะม่วงจึงมีผลขมไปด้วย.
จบ ทธิวาหนชาดกที่ ๖
[เล่มที่ 63] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ - หน้าที่ ๒๑๗
ข้อความบางตอนจาก....
มหานารทกัสสปชาดก
[๘๖๒] ข้าแต่พระราชบิดา บุคคลคบคนเช่นใดๆ เป็นบุรุษผู้มีศีลหรืออสัตบุรุษผู้ไม่มีศีล เขาย่อมตกอยู่ในอำนาจของผู้นั้น บุคคลกระทำคนเช่นใดให้เป็นมิตร และเข้าไปคบหาคนเช่นใด แม้เขาก็ย่อมเป็นเช่นคนนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันย่อมเป็นเช่นนั้นได้ ผู้เสพย่อมติดนิสัยผู้ที่ตนเสพ ผู้ติดต่อย่อมติดนิสัยผู้ที่ตนติดต่อ เหมือนลูกศรอาบยาพิษย่อมเปื้อนแล่ง ฉะนั้น.
[เล่มที่ 63] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ - หน้าที่ ๒๑๗
ข้อความบางตอนจาก....
มหานารทกัสสปชาดก นักปราชญ์ไม่ควรเป็นผู้มีคนลามกเป็นสหาย เพราะกลัวจะแปดเปื้อน การเสพคนพาล ย่อมเป็นเหมือนบุคคลเอาใบไม้ห่อปลาเน่า แม้ใบไม้ก็มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป ฉะนั้น ส่วนการคบหาสมาคมกับนักปราชญ์ ย่อมเป็นเหมือนบุคคลเอาใบไม้ห่อของหอมแม่ใบไม้ก็มีกลิ่นหอมฟุ้งไป ฉะนั้น
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยชาตินี้ประเสริฐนักได้พบพระพุทธศาสนา มีศรัทธาที่จะฟังพระธรรมได้พบผู้นำพระธรรมมาแสดงอย่างถูกตรงเช่นท่านอาจารย์สุจินต์ฯได้พบสหายธรรมที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลไม่ให้หลงทาง
ขออนุโมทนาคะ
06976
คนพาลลองเข้าไปดูที่ link ด้านบน เรื่องของการคบคนพาล บรรยายโดยท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ ท่านพูดไว้ดีมากเลยค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ