ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สนทนาธรรม ณ อาคารมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๒ ถอดเทปบันทึกเสียงโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
ถ้าเราจะมีชีวิตอยู่ได้ ด้วยกำลังของเราเองและยังสามารถเป็นที่พึ่งพาอาศัย หรือช่วยหลือบุคคลอื่นได้ด้วยตามสมควรควรจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า และถ้าเรามีความสามารถในการงาน มีความฉลาดในการบริหารทรัพย์และ สามารถที่จะเพิ่มพูนทรัพย์ได้ "ในทางสุจริต"เป็นสิ่งที่ควรหรือเปล่า
ปัญหาที่ควรพิจารณา คือ ถ้าเราจะต้องลำบากแต่ เราสามารถที่จะใช้ทรัพย์นั้น "เพื่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้น"ฉลาดพอหรือไม่ ที่คิดว่าทรัพย์ของตนจะเพิ่มขึ้นได้ "ในทางสุจริต"
ถ้ามีทรัพย์สินมาก และไม่ติดข้องมากจนเกินไป มีความพอใจเท่าที่มีและ ยังสามารถที่จะสละทรัพย์ของตนให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่นด้วยก็เป็นสิ่งที่สมควร
ถ้ามีทรัพย์ พอที่จะสละให้ผู้อื่นได้ โดยพิจารณาว่า "มีเหตุผลสมควรที่จะให้"ก็สามารถให้ด้วยความสบายใจ โดย ไม่ต้องเดือดร้อนในภายหลัง ในการดำรงชีวิตของคฤหัสถ์ นั้น เป็นเรื่องที่ควรเข้าใจด้วยว่า เมื่อยังมีโลภะอยู่ ก็ควรเป็นผู้ฉลาด
ฉลาด คือ เข้าใจตามความเป็นจริงว่า ชีวิตของคฤหัสถ์นั้น มีความแตกต่างกันไปถ้าเรามีความสามารถที่จะช่วยเหลือใครได้ ก็ควรกระทำ ไม่ใช่เป็นผู้ที่ "ไม่สละ" อะไรเลยจนถึงกับ "ตระหนี่"หรือ "ไม่สันโดษ" พอใจในสิ่งที่ตนมีจนถึงกับ "มีเท่าไรก็ไม่พอ" และควรเป็น "ปัญญา" ที่เข้าใจตามความเป็นจริง ว่า"ความติดข้องยิ่งน้อยลงเท่าไร...ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น"
และ "ปัญญา" ที่เข้าใจอย่างนี้ ที่ทำให้ชีวิตของคฤหัสถ์-ที่ยังต้องเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินเป็นผู้ที่ฉลาดในการใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและบุคคลอื่น.
แต่ ถึงแม้จะมีทรัพย์สินมากมาย"ผู้มีปัญญา" ย่อมเป็นผู้ที่ลด ละ โลภะ ในตนเองด้วย "การเห็นโทษของโลภะ"บางครั้ง การที่จะสละสิ่งที่เราพอใจให้บุคคลอื่นนั้น....ดูเหมือนยากแต่ ถ้าสามารถ "สละได้" ก็คือ "ชนะโลภะ" มีหลายเหตุการณ์ ในชีวิตคฤหัสถ์ที่ "ปัญญา" จะทำให้มีชีวิตอยู่โดยเป็นประโยชน์ ทั้งต่อตนเอง และ บุคคลอื่น.
จริงๆ แล้ว "การให้"เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ตามกาลเทศะ ในแต่ละสถานการณ์ซึ่งก็แล้วแต่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นในขณะนั้น อันเป็นปัจจัยที่จะให้หรือไม่ให้ เพราะในชีวิตจริงๆ นั้น มีคนยากไร้มากมาย ที่ช่วยเท่าไร ก็ช่วยได้ไม่หมดเพราะ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
แต่ "การช่วยเหลือที่ดีทีสุด" คือ การช่วยให้บุคคลอื่น "เข้าใจพระธรรม" คำสอนของพระผู้มีพระภาคฯและบำเพ็ญกุศลกรรม ละคลายอกุศลกรรม ตามกำลังปัญญาของบุคคลนั้นซึ่งเป็นหนทางเดียว ที่เป็นการดับทุกข์ได้ อย่างแท้จริงและเป็นประโยชน์อย่างสูงสุดด้วย
.
ขออนุโมทนา
แต่การช่วยเหลือที่ดีทีสุดคือ การช่วยให้บุคคลอื่น "เข้าใจพระธรรม" คำสอนของพระผู้มีพระภาคฯและบำเพ็ญกุศลกรรม ละคลายอกุศลกรรม ตามกำลังปัญญาของบุคคลนั้นซึ่งเป็นหนทางเดียว ที่เป็นการดับทุกข์ได้ อย่างแท้จริงและเป็นประโยชน์อย่างสูงสุดด้วย
... ขออนุโมทนาค่ะ ...
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ
การช่วยให้เพื่อนมนุษย์เข้าถึงรสพระพุทธธรรมนั่นคือการช่วยที่ดีที่สุด
"ให้เข้าใจพระธรรม"
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 478
[๓๙๓] ๑๔๗. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การสงเคราะห์ ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ การสงเคราะห์ด้วยอามิส ๑ การสงเคราะห์ด้วยธรรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การสงเคราะห์ ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาการสงเคราะห์ ๒ อย่างนี้ การสงเคราะห์ด้วยธรรมเป็นเลิศ
[๓๙๔] ๑๔๘. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การอนุเคราะห์ ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ การอนุเคราะห์ด้วยอามิส ๑ การอนุเคราะห์ด้วยธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การอนุเคราะห์ ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาการอนุเคราะห์ ๒ อย่างนี้ การอนุเคราะห์ด้วยธรรมเป็นเลิศ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
* * * ขอกราบอนุโมทนาค่ะ * * *
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ