ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทางแก้วิกฤติพระพุทธศาสนา
ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม
ที่ห้องสราญรมย์
โรงแรมนิวซีซั่น สแควร์ อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา
วันอังคารที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑
(คำขวัญประจำหาดใหญ่ : ชุมทางปักษ์ใต้ หลากหลายเศรษฐกิจ ชีวิตอุดม รื่นรมย์ธรรมชาติ ชายหาดแหลมโพธิ์ ส้มโอสีชมพู คู่คลองอู่ตะเภา ขุนเขาโตนงาช้าง)
~ การสนทนาธรรมแต่ละครั้ง ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจจริงๆ เพราะเหตุว่าทุกคำที่เราได้ฟังเป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปี เพราะฉะนั้น ทุกคนก็รู้ว่าใครเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่อย่างที่เราคิดว่าเป็นอย่างธรรมดาๆ แต่ว่าจากการที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุด เป็นศาสดาของโลก ทั้งมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เพราะฉะนั้นคำของพระองค์ ต้องลึกซึ้ง ตรัสด้วยพระปัญญาคุณ แต่คนที่ฟังมีปัญญาพอที่จะเข้าใจคำนั้นจริงๆ หรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ประมาทไม่ได้เลย ทุกคำเป็นคำที่มีค่า
~ ประโยชน์ที่ได้รับจากการฟังพระธรรม คือ การไตร่ตรองของผู้ฟังเอง ซึ่งจะต้องไตร่ตรองด้วยตนเอง จะมาขอยืม หรือ ขอ หรือซื้อความเข้าใจจากใครไม่ได้เลยทั้งสิ้น นอกจากอาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
~ แต่ละคำ ขอให้เริ่มเป็นความเข้าใจจริงๆ ถ้าไม่เข้าใจคำหนึ่ง จะไม่มีทางเข้าใจคำอื่นต่อไปได้เลย ทุกคำต้องเริ่มตั้งแต่ต้น ทีละคำ เพราะฉะนั้นคงจะไม่รีบร้อนไปไหน เพราะทุกคนก็ทราบว่ากิเลสมาก แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง กว่าจะดับกิเลสได้ ก็ต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่แล้วเรากว่าจะเข้าใจคำของพระองค์และรู้คุณค่าและสะสมความเข้าใจจนกว่าจะสามารถรู้จักพระองค์ ก็ต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนาน
~ ขณะนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน? พระองค์ทรงดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่คำของพระองค์ทุกคำ เป็นศาสดาแทนพระองค์ เพราะฉะนั้น จะรู้จักพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต่อเมื่อได้ฟังและเข้าใจ ต้องเป็นความเข้าใจของเราเอง ถ้าไม่เข้าใจ ความไม่เข้าใจก็ปิดกั้นคำของพระองค์ เพราะขาดการไตร่ตรอง ขาดความเป็นผู้ตรงต่อความจริง ซึ่งความจริงมีอยู่ทุกขณะ ฟังแล้วเข้าใจได้ ต้องเริ่มเข้าใจจนสามารถประจักษ์แจ้งความจริงของแต่ละคำ ซึ่งกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ ทุกกาลสมัย ไม่ว่าที่ไหน แม้ในขณะนี้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงต้องการเงินทองหรือเปล่า? ต้องการดอกไม้ธูปเทียน เครื่องสักการะคำชมเชย สรรเสริญ ลาภ ยศทั้งหลายหรือเปล่า? พระองค์ทรงสละแล้ว จึงสามารถที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ได้ เพราะฉะนั้น ความไม่รู้ และความติดข้องในความเป็นตัวตน ในลาภในยศในสักการะ ไม่สามารถที่จะทำให้เห็นคุณค่าของพระธรรม เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ต้องเป็นผู้ตรง ไม่ใช่เพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อสักการะ เพื่อชื่อเสียงใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่เพื่อความเข้าใจ ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเข้าใจได้เลย ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ผู้ฟังธรรม ต้องเป็นผู้ที่ตรง จริงใจ เพื่อเข้าใจ เพราะฉะนั้น เวลาที่ผ่านไปแต่ละขณะ ประโยชน์คือเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ดีแล้วแต่ละคำ
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ เป็นพระธัมมเทสนา ประกาศ แสดงความจริงของธรรม เพราะฉะนั้น ธรรมทั้งหมดที่ได้ตรัสไว้แล้วก็เป็นพระธรรม เพราะกล่าวถึงธรรม คือ สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ซึ่งลึกซึ้งมาก เพราะแม้ว่าจะได้ฟังนานเท่าไหร่ ก็ไม่พอ จนกว่าจะรู้ความจริงตรงตามที่ได้ฟัง
~ ชาวพุทธ คือ ผู้ที่เข้าใจธรรม และเห็นคุณประโยชน์ น้อมประพฤติตาม จึงสมควรที่จะเป็นชาวพุทธ
~ พระพุทธศาสนา (คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) สำหรับสนุกสนานเพลิดเพลินหรือ? หรือว่าสำหรับเข้าใจและเคารพอย่างยิ่งในผู้ที่สัตว์โลกไม่สามารถจะรู้ความจริงได้เลยจนกว่าจะได้ฟังคำของพระองค์
~ ฟัง ไตร่ตรองจนกระทั่งรู้ว่า อะไรถูก อะไรผิด จึงสามารถที่จะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ มิฉะนั้น ก็เป็นการช่วยกันทำลาย ลบเลือนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนกระทั่งหมดสิ้น
~ ต้องการความสนุกก็ไปสนุกอย่างอื่นเยอะแยะไป แต่ธรรมคืออะไร คนที่เห็นประโยชน์ของการที่ได้เกิดมาแล้วก็จะต้องจากโลกนี้ไป จะช้าหรือเร็ว ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้เลย เมื่อไหร่ วันไหน ด้วยอาการอย่างไร เช้า สาย บ่าย ค่ำ บนบก ในน้ำ หรือกลางอากาศ ก็ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ แล้วชีวิตทั้งชีวิตที่อยู่ในโลกนี้ ประโยชน์อยู่ตรงไหน?
~ ความรื่นรมย์ทางโลกกับการได้ยินได้ฟังธรรมแล้วเข้าใจ คิดดู อะไรมีค่ามากกว่ากัน รสแห่งธรรม ไม่มีอะไรที่จะเทียบเท่า เพราะเป็นรสของความจริง แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ลิ้มหรือรู้รสของธรรม ความรื่นรมย์ (ปีติ ปลาบปลื้ม) ในความสงบในธรรมจะมีมาแต่ไหน
~ ทุกวันนี้ ทุรุนทุราย เดือดร้อน เพราะโลภะ (ความติดข้องต้องการ)
~ ผู้หมดกิเลส ไม่มีอะไรที่จะทำร้ายจิตใจได้เลย
~ สิ่งที่มีจริง สามารถค่อยๆ เข้าใจได้ แล้วเราจะค่อยๆ เข้าใจไหม? (ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย)
~ คิดว่าจะดับกิเลสด้วยวิธีการต่างๆ แต่ไม่มีปัญญา แล้วจะดับกิเลสได้อย่างไร
~ ฟังพระธรรมเพื่อสอบ หรือ ฟังเพื่อเข้าใจ?
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา ทุกคำนำไปสู่ความเข้าใจถูก ค่อยๆ สะสม ค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ โดยการค่อยๆ เข้าใจ อบรมจากการเป็นพระโพธิสัตว์ ฉันใด ผู้ฟังคำของพระองค์ ก็เป็นสาวกโพธิสัตว์ ค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ ฉันนั้น
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรมเลย แม้ว่าจะถึงกาลสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป ก็เหมือนเดี๋ยวนี้ (คือ ไม่เข้าใจ) อาจจะเพิ่มกิเลสมาก อาจจะมีความเห็นผิดอย่างอื่น จนเป็นพวกเดียรถีย์ แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน พวกนั้นไม่มาเฝ้า ไม่ฟังธรรม คำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีความหมายสำหรับคนที่หันหลังให้กับพระสัทธรรม เพราะเชื่อ คิด มั่นคงในคำสอนอื่น
~ ทุกอย่างเกิดเองไม่ได้ แต่มีปัจจัยเกื้อกูลสนับสนุนทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดทั้งหมด ต้องมีปัจจัยที่สนับสนุนทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้น เกิดไม่ได้
~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องฟังด้วยความละเอียด และต้องลึกซึ้ง ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงตรัสคำว่า ธรรม เพื่อกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงทุกอย่าง ว่า ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่วัตถุ ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง แต่เป็นสิ่งที่ปรากฏเมื่อมีธาตุรู้กำลังรู้สิ่งนั้น และสิ่งนั้นก็ต้องเกิดขึ้นด้วย ถ้าไม่เกิด ก็ไม่มี
~ สิ่งที่มีจริง มีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
~ ไม่มีสำนักปฏิบัติในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่มีความเข้าใจตามลำดับขั้น
~ ยุคนี้ สมัยนี้ กาลนี้ เป็นวิกฤติ (ความเสื่อมอย่างหนัก) ของพระพุทธศาสนาหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ทางแก้ไขมีทางเดียว คือ ต้องเข้าใจธรรม.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ คำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีความหมายสำหรับผู้หันหลังให้พระสัทธรรมครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอ.สุจินต์
ขออนุโมทนาด้วยคะ
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา อ.คำปั่น ค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ทุกวันนี้ ปฏิบัติตรงกันข้ามกับ ที่ มศพ.ปฏิบัติอยู่ คือ การฟังธรรม ศึกษาพระธรรม และสนทนาธรรม เพื่อให้เข้าใจธรรม โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาซึ่งนับว่าเป็นการศึกษาหลัก กลับปฏิบัติตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้เน้นการฟังธรรมให้เข้าใจ แต่เน้น นั่งสมาธิ สวดมนต์ เดินจงกรม เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ยังมีพ่วงให้สอบนักธรรมถึงชั้นเอกทุกคน นี่คือความเป็นจริงในวงการศึกษา ที่ผมทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้ ถ้าเป็นดังนี้ แสดงว่า วิกฤติของพระพุทธศาสนาไม่มีทางแก้ได้ เพราะครูยังไม่เข้าใจในหลักพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ดังคำที่ ท่าน อ.สุจินต์ ได้กล่าวว่า "ธรรมะไม่สาธารณต่อทุกคนจริงๆ "
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ