ให้รู้ว่ามีวีถีจิตอย่างไร เท่าไหร่หรือ วิญญาณ 6 มีอะไรบ้างใช่ไหม ธรรมายตนะมี
อะไรบ้างนี่คือการศึกษาอภิธรรมที่แท้จริงและถูกต้องใช่ไหม หรือศึกษาอภิธรรมที่ถูก
เป็นอีกแบบ อธิบายด้วย จะได้ปฏิบัติถูกไม่หลงไปทางผิด
การศึกษาพระธรรมทั้งหมดเพื่อการเข้าใจความจริง ให้ถูกต้อง ในขั้นต้นรู้เรื่องราวของสภาพธรรม ต่อมาค่อยๆ รู้ตัวธรรมะจริงๆ ที่กำลังปรากฏ
คำว่า อภิ แปลว่า ยิ่งใหญ่
อภิธรรม คือ ธรรมที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใด เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงเทศนาธรรมทั้งปวงที่ทรงตรัสรู้ พร้อมทั้งเหตุปัจจัยของธรรมทั้งปวงนั้นโดยสภาพความเป็นจริงของธรรมนั้นๆ พระองค์ทรงเคารพธรรมที่ทรงตรัสรู้ พระองค์มิได้ทรงเทศนาว่าธรรมทั้งปวงอยู่ในอำนาจของพระองค์ แต่ทรงเทศนาว่าพระองค์เองก็ไม่สามารถบันดาลให้ผู้ใดพ้นทุกข์หรือบรรลุมรรค ผล นิพพานได้ การประพฤติปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่เป็นปัจจัยให้ผู้ปฏิบัติบรรลุมรรค ผล นิพพาน พ้นทุกข์ได้
ปรมัตถธรรม หรือ อภิธรรมนั้น มิใช่ธรรมที่เหลือวิสัยที่จะเข้าใจได้ เพราะปรมัตถ-ธรรมเป็นธรรมที่มีจริง ฉะนั้น ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก จึงเป็นการรู้ความจริงของปรมัตถธรรมตามสภาพลักษณะของปรมัตถธรรมนั้นๆ
พุทธศาสนานิกควรพิจารณาและศึกษาให้รู้ว่า ธรรมและความจริงที่พระองค์ตรัสรู้นั้น คืออะไร ความจริงที่พระองค์ทรงตรัสรู้ต่างกับความจริงที่เราคิดนึกหรือเข้าใจอย่างไรบ้าง ความจริงที่พระองค์ทรงตรัสรู้ และทรงเทศนาสั่งสอนพุทธบริษัทให้เข้าใจ และปฏิบัติตามจนเห็นความจริงนั้นๆ ก็คือ สิ่งทั้งหลายที่ปรากฏนั้น เป็นธรรมแต่ละชนิดแต่ละประเภท ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
ธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นเพราะปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้ เช่น ความโลภความโกรธ ความเสียใจ ความทุกข์ ความสุข ความริษยา ความตระหนี่ ความเมตตา ความกรุณา การเห็น การได้ยิน เป็นต้น ล้วนแต่เป็นสภาพธรรมแต่ละชนิดสภาพธรรมแต่ละชนิดแต่ละประเภทนั้นต่างกัน เพราะเกิดจากเหตุปัจจัยต่างๆ กัน
พระพุทธดำรัสที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นตถาคต หมายถึง การเห็นธรรมรู้แจ้งธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ คือ โลกุตตรธรรม ๙ ขั้นปฏิเวธ เป็นผลของการเจริญธรรมขั้นปฏิบัติ
การเจริญธรรมขั้นปฏิบัติต้องอาศัยปริยัติ ด้วยเหตุนี้ปริยัติ คือการศึกษาพระธรรมวินัย จึงเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เป็นทางนำไปสู่พระพุทธศาสนาขั้นปฏิบัติและขั้นปฏิเวธเป็นลำดับไป พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาค ได้จดจำสืบต่อกันมาโดยมุขปาฐะคือ การท่องจำจากพระอรหันตสาวกผู้กระทำสังคายนาพระธรรมวินัยเป็น ๓ ปิฏก เรียกว่า พระไตรปิฏก การท่องจำได้กระทำสืบต่อกันมาตราบจนกระทั่งได้จารึกเป็นตัวอักษรพระธรรมวินัยซึ่งพระอรหันตสาวกได้สังคายนาเป็น ๓ ปิฏกนั้น คือ
พระวินัยปิฏก เกี่ยวกับระเบียบข้อประพฤติปฏิบัติ เพื่อพรหมจรรย์ขั้นสูงยิ่งขึ้นเป็นส่วนใหญ่
พระสุตตันปิฏก เกี่ยวกับหลักธรรมที่ทรงเทศนาแก่บุคคลต่างๆ ณ สถานที่ต่างๆ เป็นส่วนใหญ่
พระอภิธรรมปิฏก เกี่ยวกับสภาพธรรมพร้อมทั้งเหตุและผลของธรรมทั้งปวง
ผู้ที่ทรงจำพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง คือ ท่านพระอานนท์และผู้กระทำสังคายนาพระธรรมวินัย ล้วนเป็นพระอรหันตสาวก ท่านเหล่านี้มีความเคารพพระธรรม และกระทำสังคายนาโดยมิได้มีการปรับปรุงถ้อยคำให้ต่างจากที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มี 3 ขั้น คือ ขั้นปริยัติ ศึกษาพระธรรม
วินัย ขั้นปฏิบัติ เจริญธรรมที่ดับกิเลสดับทุกข์ ขั้นปฏิเวธ รู้แจ้งธรรมที่ดับกิเลส ดับ
ทุกข์การเจริญธรรมขั้นปฏิบัติต้องอาศัยธรรมขั้นปริยัติ ดังนั้นปริยัติ คือการศึกษาพระ
ธรรมวินัยจึงเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เป็นทางนำไปสู่พระพุทธศาสนาขั้นปฏิบัติและขั้น
ปฏิเวธเป็นลำดับไป
ที่อื่นเขาก็อ้างว่าศึกษาปริยัติเหมือนกัน จะต่างกับปริยัติที่เกื้อกูลการปฏิบัติอย่างไร
(ที่อื่นก็ศึกษาอภิธรรมเหมือนกัน) ดังนั้นปริยัติในที่นี้คืออย่างไรกันแน่
พุทธศาสนานิกควรพิจารณาและศึกษาให้รู้ว่า ธรรมและความจริงที่พระอรหันต-สัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้นั้นคืออะไร ความจริงที่พระองค์ทรงตรัสรู้ต่างกับความจริงที่เราคิดนึกหรือเข้าใจอย่างไรบ้าง ความจริงที่พระองค์ทรงตรัสรู้ และทรงเทศนาสั่งสอนพุทธบริษัทให้เข้าใจและปฏิบัติตามจนเห็นความจริงนั้นๆ ก็คือ สิ่งทั้งหลายที่ปรากฏนั้นเป็นธรรมแต่ละชนิดแต่ละประเภท ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ธรรม ทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น เพราะปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้ สภาพธรรมแต่ละชนิดแต่ละประเภทนั้นต่างกันเพราะเกิดจากเหตุปัจจัยต่างๆ กัน
การศึกษาพระอภิธรรมเพื่อให้เกิดความเห็นถูกเข้าใจถูกว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะไม่ใช่สัตว์ บุคคล ต้วตน เป็นเพียงนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดดับสืบต่อกันไปไม่มีที่สิ้นสุดตราบใดที่ยังมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด ปัญญาต้องเป็นไปตามลำดับขั้นจริงๆ โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ จะขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการปฏิบัติ เพราะปัญญาจะทำกิจของปัญญา ไม่มีตัวเราที่จงใจหรือตั้งใจที่จะแสวงหาวิธีที่จะปฏิบัติ
ตกลง ศึกษาอภิธรรม ศึกษาให้ถูกคืออย่างไร
อยากทราบความเห็นของท่านเจ้าของคำถามนี้ ได้ติดตามอ่านคำถามและข้อความที่ท่านส่งมาแล้ว ท่านคงเป็นผู้หนึ่งที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมและเป็นผู้ที่ศึกษาพระอภิธรรม ท่านอื่นจะแสดงความคิดเห็นก็ได้นะครับ ขออนุโมทนาทุกท่าน
ตกลง ศึกษาอภิธรรม ศึกษาให้ถูกคืออย่างไร
เพื่อให้เข้าใจอย่างเดียวค่ะ ไม่มีอย่างอื่น และไม่ใช่เพียงแค่การรู้เรื่องราวของสภาพธรรม หรือรู้ตามตำรา แต่ที่สำคัญคือเข้าใจและรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ที่กำลังปรากฎ ให้รู้จริง ให้รู้ยิ่ง ให้รู้ทั่วทั้ง ๖ ทวาร
ตกลง ศึกษาอภิธรรม ศึกษาให้ถูกคืออย่างไร
ธรรมต้องสอดคล้องกันทั้ง 3 ปิฎก การศึกษาอภิธรรมก็เพื่อให้เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม เมื่อเข้าใจถูก ดังนี้ ก็จะทำให้เข้าใจในพระสูตร เช่น ในเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน ว่า ไม่มีเราที่จะทำหรือบังคับให้สติเกิด เพราะได้ศึกษาว่าทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ดังนั้น การศึกษาพระอภิธรรมที่ถูกไม่ใช่ให้ไปจำชื่อว่า มีจิต เจตสิกเท่าไหร่ แต่เพื่อให้รู้ให้เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรมเพื่อเป็นประโยชน์ในการเจิญสติปัฏฐานครับ ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย