ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๔๙ * *
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ว่า โรคใจ (คือกิเลส) เป็นโรคที่มองไม่เห็น ทรงอุปมาว่า ทุกๆ วันที่มีความไม่รู้ความจริง เป็นเหตุให้มีความติดข้องต้องการ เมื่อได้ ก็ต้องรักษาด้วยความห่วงใย ถ้าไม่ได้ ก็ต้องเป็นทุกข์เดือดร้อนขวนขวายต่อไปอีกไม่รู้จบ เปรียบเหมือนลูกศรที่เสียบอยู่ในใจ โดยไม่รู้ตัวเลยทุกวัน แต่ว่าไม่รู้เลยเพราะชินกับความต้องการ แล้วพอได้สิ่งที่ต้องการ ก็เพลิดเพลิน พอสูญเสียไป ก็ต้องโศกเศร้า แล้วมีใครบ้างที่ไม่สูญเสียอะไรเลย?
~ ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของกุศล โอกาสที่จะทำดี ก็จะทำเลย เพราะเหตุว่า ขณะใดก็ตามที่ไม่ได้ทำดี เกือบจะไม่รู้เลยว่า ขณะนั้นกำลังสะสมอกุศลที่จะเป็นเหตุให้ทำอกุศลกรรม
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จะทำให้เข้าใจทุกอย่างตามความเป็นจริง ไม่ใช่เชื่อง่ายแล้วก็ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่สามารถที่จะทำให้พ้นจากความไม่รู้และความเข้าใจผิดได้
~ ถ้าเข้าใจเรื่องกรรมและผลของกรรม จะทำกรรมดีขึ้นไหม? นี่คือชีวิตประจำวัน ที่จะไม่ต้องเดือดร้อนเพราะอกุศลกรรม
~ มีสมบัติอะไรในโลกซึ่งคนในโลกนี้เอาไปได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดๆ ก็ตามที่มีอยู่ ตั้งแต่บรรพบุรุษซึ่งได้ชื่อว่าครอบครองมีสิ่งเหล่านั้น แต่ก็จากไปหมด ไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงของสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลยสักอย่างเดียว
~ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรม ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ติดข้อง ในทางที่ไม่เป็นทุกข์ไม่เดือดร้อน เพราะรู้ว่าเพราะเหตุใด สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น แทนที่จะถามว่า ทำไมต้องเป็นเรา? ก็ต้องเป็นเรา เพราะได้กระทำกรรม คือ มีเหตุที่ได้กระทำแล้ว จะไปเกิดกับคนอื่นได้อย่างไร
~ ปัญญาสามารถที่จะทำให้เข้าใจถูกต้อง ว่า อกุศลเป็นโทษแน่นอน ในขณะที่เกิด ทำร้ายใคร? ทำร้ายจิตที่กำลังเป็นอกุศลในขณะนั้น แล้วยังทำร้ายต่อไปอีกถึงคนอื่นอีกมากมายด้วย ตามกำลังของอกุศลนั้นๆ
~ รู้ว่ามีกิเลสมากๆ รู้ว่ามีความไม่รู้มากๆ จะได้ไม่ประมาทอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย เพราะประมาณไม่ได้เลยว่าอกุศลมากแค่ไหน แต่ว่าจากการฟังพระธรรมก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้น ก็สะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้น
~ หวังว่าอะไรจะเกิด ต้องเป็นสิ่งที่ดีๆ ไม่มีใครหวังที่จะให้สิ่งที่ไม่ดีเกิด แต่อะไรจะเกิด ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ แต่ว่าทุกอย่าง ต้องมีเหตุ ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เมื่อเข้าใจความจริงเช่นนี้ มีประโยชน์ไหม?
~ สิ่งที่มีจริง เป็นธรรม มีจริงๆ ในขณะนี้ ศึกษาธรรมเพื่ออะไร? เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่เพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อสรรเสริญ เพื่อคำชม แต่ว่าเพื่อเข้าใจถูก ว่า เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ แล้วจะหลงผิดอยู่ทำไม แล้วจะหลงไม่รู้อยู่ทำไม เห็น เกิดแล้วก็ดับ บังคับบัญชาไม่ได้ แล้วก็จะไปเข้าใจผิดว่าเป็นเราเห็น มีเราจริงๆ ได้อย่างไร
~ พระธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งถ้าเข้าใจจริงๆ แล้ว ก็จะไม่หวั่นไหวเพราะเป็นเหตุที่จะทำให้ทำแต่สิ่งที่ดีเพื่อผลที่ดีจะเกิดขึ้น ไม่ใช่ผลที่ไม่ดี
~ บางคนชอบว่าคนอื่น ก็ลองเปลี่ยนจากคนพูดมาเป็นคนฟังดูบ้าง แล้วจะรู้สึกอย่างไร เราอย่างไร เขาก็อย่างนั้น ควรที่จะได้คิดถึงใจเขาใจเรา
~ ถ้าทุกคนเห็นคุณค่าของคำแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็รู้ว่าคิดเองไม่ได้ ก็จะทำให้สิ่งที่ผิดๆ ค่อยๆ หมดไป
~ ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และทุกคนก็รู้ว่าชีวิตสั้นมาก จะจากโลกนี้ไปได้ทุกขณะ เย็นนี้ก็ได้พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น เวลาที่มีค่าที่สุด ประโยชน์ที่สุดคืออะไร คือ ได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ เพราะเหตุใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงเรื่องของอกุศลธรรม? เพราะเป็นสภาพธรรมที่มีจริง และถ้าไม่ทรงแสดง จะรู้ได้อย่างไรว่าแต่ละคนสะสมสิ่งที่ไม่ดีมามากมายแค่ไหน
~ เพราะสะสมมาไม่ดี จึงริษยาเมื่อผู้อื่นได้ดี มีความสุข ขณะนั้นตนเองเท่านั้นที่เดือดร้อน ไม่สบายใจ คนที่ถูกริษยา มีความสุขดี ได้รับผลของกุศลกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้แล้ว
~ โลภะไม่ดี ริษยาไม่ดี กิเลสต่างๆ ไม่ดี แต่ก็เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ไม่ใช่ใครเลย ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล ก็เป็นอกุศล ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนกับใครทั้งสิ้น ขณะที่คนอื่นเขามีกิเลส กิเลสของเราอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า หรือยังไม่ปรากฏ เพราะยังไม่เกิดขึ้นให้เห็น
~ ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับบัญชาให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นได้เลย ใครทำเห็นในขณะนี้ให้เกิดขึ้นได้บ้าง ใครทำได้ยินในขณะนี้ให้เกิดขึ้นได้บ้าง ใครทำโกรธให้เกิดขึ้นได้บ้าง ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แม้แต่ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกในขณะนี้ ก็ต้องเกิดขึ้นมาจากเหตุ คือ การอบรมจากการมีโอกาสได้ฟังคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
~ จะตายวันไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เกิดมาแล้วไม่พ้นความตาย วันนี้สนุกมาก หมดแล้วไม่มีอะไรเหลือ ทุกอย่างที่ผ่านมาไม่เหลือเลย แต่ว่าสะสมความดีและความชั่วสืบต่อไปในจิตทุกขณะ
~ ไม่มีอะไรที่จะไปละความไม่รู้และความชั่วทั้งหลายได้ นอกจากความเข้าใจถูก เพราะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความไม่ประมาทและด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๔๘
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาสาธุค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ
และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา อ.คำปั่น เป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ