ดิฉันยังจำความรู้สึกได้เมื่อไปกราบสังเวชนียสถานที่อินเดีย โดยเฉพาะที่กุสินารา ครั้งแรกที่ผ่านพ้นประตูเข้าไป เห็นร่างของพระพุทธองค์ ที่ประทับนอนเหยียดยาว ด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง เหมือนรอคอยการกลับมาของบรรดาสาวกทั้งหลาย
เราได้สวดมนต์ และสวดองค์ใดพระสัมพุทธ ซึ่งเมื่อได้สวดบทนี้ ตอนนั้นความรู้สึกตื้นตันใจมาก น้ำตาไม่รู้มาจากไหน ไหลไม่หยุด กลั้นก็ไม่อยู่ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเราได้กลับมากราบแทบเท้าพ่อของเรา และรู้เสียใจ ที่ไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระองค์ และไม่ปรนนิบัติดูแลท่านยามเจ็บป่วย เราคงประมาทในชีวิต และหลงระเริง จนเกิดไม่ทันตอนที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ สิ่งเดียวที่จะตอบแทนพระองค์ได้ ก็ คือ การปฏิบัติตามคำสอน และจะช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง เท่าที่สามารถทำได้
เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้กราบแทบพระบาท ของพระองค์ ได้เอาหน้าผากของเราแนบกับฝ่าพระบาทของพระองค์ ดิฉันก็ตื้นตันใจมาก จำภาพนั้น ติดตาจนทุกวันนี้ แม้กระทั่งกลับมาแล้ว เมื่อระลึกถึงครั้งใด น้ำตาก็จะไหลตลอด มันบังคับไม่ได้จริงๆ ก็ระลึกรู้ว่า มันเป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งใจว่าถ้ามีปัจจัยพร้อม โอกาสอำนวยก็จะกลับไปอินเดียอีก
อนุโมทนาในกุศลจิตครับฟังเพิ่มเติมที่นี่ครับ --> ระลึกในหน้าที่อันยากของชาวพุทธ เวลาที่นึกถึงคำที่สวดก็น้อมระลึกถึงความหมาย
การท่องพุทโธทำให้ระลึกถึงพระพุทธคุณได้หรือไม่
ขออนุโมทนาค่ะ
กุสินารา เป็นสถานที่ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้เราก็ต้องตายเหมือนกัน ไม่ควรประมาทในชีวิตว่า ยังอยู่อีกนาน ควรอบรมเจริญกุศลทุกประการ ขณะที่มีโอกาสฟังธรรม เป็นนาทีทองของชีวิตจริงๆ เพราะเป็นขณะที่หาได้ยากค่ะ
การฟังธรรม บางครั้งเป็นเรื่องที่ยาก สำหรับคนทั่วไปที่จะฟัง เพราะส่วนใหญ่จะบอกว่าไม่มีเวลา ต้องทำงาน คงเป็นเพราะเขาไม่สนใจในการฟังมากกว่า บางคนสนใจแต่การปฏิบัติอย่างเดียวก็มี เขาบอกว่าการปฏิบัติได้บุญมากกว่า