ดิฉันเริ่มฟังพระธรรมจากมูลนิธิฯ เมื่อเดือน พค.๒๕๔๕ ฟังเรื่อยมาโดยตลอด จะได้ยินประโยคที่ว่า ค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจ และพิจารณาไปยอมรับว่า พระธรรมเป็นเรื่องยากมาก แต่ผลที่ได้รับมากมายมหาศาล ต้องอาศัยความอดทนที่จะฟังอย่างมากดั่งที่ อ. สุจินต์พูดอยู่เป็นประจำ
เคยเรียนถามท่านอาจารย์ว่า เวลามีความสงสัยในข้อธรรมะบางประการแต่ไม่ทราบจะถามใคร เพราะอยู่ต่างประเทศ (นอกจากบนกระดานสนทนา ซึ่งก็ขออโมทนาในจุดนี้ค่ะ) ท่านอาจารย์ให้ความกรุณาแนะนำว่า เมื่อฟังไปเรื่อยๆ บางทีก็จะได้คำตอบขึ้นมาเอง ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นค่ะ ฟังเรื่องเดียวกันครั้งที่ ๒ หรือที่ ๓ ก็จะเข้าใจดีขึ้นกว่าครั้งแรก และบางทีก็ได้คำตอบในข้อสงสัยอยู่ได้กระจ่างขึ้น อย่างที่ท่านอาจารย์กล่าวแนะนำไว้จริงๆ ค่ะ
อนุโมทนา
การเข้าใจพระธรรม เป็น ปัญญา โดยเฉพาะปัญญา ที่เข้าใจหนทางดับกิเลสนั้น ถ้าพระผู้มีพระภาค ไม่มาตรัสรู้ ก็จะไม่มีผู้ใดเข้าใจหนทางนี้ได้ อวิชชาละเอียดซึ่งสะสมอยู่ในจิตนั้น (อวิชชานุสัย) มีมากมายนับไม่ถ้วน ก็เป็นเหตุหนึ่งซึ่งทำให้เข้าใจพระธรรมได้ยาก และพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทวนกระแสกิเลสตรงข้ามกับความต้องการของเรา ดังนั้น ถึงแม้เราจะเข้าใจหนทางที่ถูกต้องบ้างแล้วการปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ก็ยังเป็นความยาก สำหรับเรา จึงต้องอาศัยการฟัง
ตอนนี้เริ่มศึกษาธรรมะ มีบางครั้งเคยถามตัวเองว่า การเราเอาธรรมะมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะช่วงมีปัญหานั้น เป็นการทำใจให้หลบเลี่ยงปัญหาหรือเปล่าเป็นการหลบเลี่ยงความรู้สึกแย่ๆ ของตัวเองหรือเปล่า เวลามีปัญหา จะพยายามถามตอบตัวเองตลอด พยายามมองแบบคนศึกษาธรรมะ และแบบคนที่ไม่เชื่อธรรมะ จะโต้ตอบกันตลอด ยอมรับว่าการเข้าถึงธรรมะนั้นยากมาก มีความลึก ธรรมะใครๆ ก็อ่านได้แต่พอเจอวิกฤตแล้วจะเอาธรรมะมาใช้ได้หรือเปล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยอมรับว่ายากจริงๆ ในการเข้าถึงความเป็นธรรมดาของธรรมะเนี่ย
ไม่มีใครเอาธรรมะไปใช้ได้ แต่เป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ผู้ที่มีปัญญา คือเข้าใจธรรมะ ผู้นั้นไม่ได้หลบเลี่ยงปัญหา แต่มีความเข้าใจว่าทุกอย่างเกิดแต่เหตุ ถ้าไม่มีเหตุปัญหานั้นๆ ก็ไม่เกิด เมื่อเหตุนั้นดับ ปัญหานั้นก็หมดไป ผู้ที่เห็นประโยชน์ก็จะไม่ทอดทิ้งการฟังธรรมและการศึกษาธรรมะ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยากมาก
เคยได้ฟังท่านผู้ฟังธรรมท่านหนื่งได้กล่าวว่า "เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะได้ฟังพระธรรม ก็ควรที่จะตั้งใจฟังต่อไป แม้ครั้งแรกๆ จะยังไม่รู้เรื่อง แต่ผู้ที่ได้อบรมฟังมาแล้วในครั้งพุทธกาลท่านก็เดินทางนี้ ก็ต้องอบรมฟังต่อไปจนกว่าจะถึงกาลที่เหตุสมควรแก่ผล"
[เล่มที่ 52] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ 49
เถรคาถา เอกนิบาต วรรคที่ ๒
๑. มหาจุนทเถรคาถา ว่าด้วยคาถาของพระมหาจุนเถระ
[๒๖๘] ได้ยินว่า พระมหาจุนทเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า การฟังดี เป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็น เหตุให้เจริญปัญญา บุคคลจะรู้ประโยชนก็เพราะปัญญา ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้ว ย่อมนำสุขมาให้ ฯลฯ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ