ประวัติพระวังคีสเถระ
โดย chatchai.k  29 พ.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 34312

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 414

อรรถกถาสูตรที่ ๔

ประวัติพระวังคีสเถระ

พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๔ (เรื่องพระวังคีสะ) ดังตอไปนี้.

ดวยบทวา ปฏิภาณวนฺตาน พระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงวา พระวังคีสะเถระเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณสมบูรณ ได ยินวา พระเถระนี้เมื่อเขาไปเฝาพระทศพลตั้งแตคลองแหงจักษุ ก็กลาวสรรเสริญคุณพระศาสดาอุปมากับพระจันทร อุปมากับ พระอาทิตย กับอากาศ กับมหาสมุทร กับพระยาชาง กับพระยา มฤคสีหะ หลายรอยหลายพันบท จึงเขาเฝา เพราะฉะนั้น ทานจึง เปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณ. ในปญหากรรมของทาน มี เรื่องที่จะกลาวความตามลําดับดังตอไปนี้.

ไดยินวา ครั้งพระพุทธเจาพระนามวาปทุมุตตระ พระเถระ แมรูปนี้ ถือปฏิสนธิในครอบครัวที่มีโภคสมบัติมาก ในกรุงหงสวดี ไปวิหารฟงธรรมโดยนัยกอนนั่นแล เห็นพระศาสดาทรงสถาปนา ภิกษุรูปหนึ่งไวในตําแหนงเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณ จึง กระทํากุศลกรรมแดพระศาสดา กระทําความปรารถนาวา ใน อนาคตกาล แมขาพระองคพึงเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณ เปนผูอันพระศาสดาทรงพยากรณแลว กระทํากุศลจนตลอดชีพ เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษย ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็มาบังเกิด ในครอบครัวพราหมณ กรุงสาวัตถี ญาติทั้งหลายขนานนามวา



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 415

วังคีสมาณพ. ทานเจริญวัยแลวเรียนไตรเพท ทําใหอาจารยชอบใจ แลว ศึกษามนตชื่อวา ฉวสีสมนต มนตรูศีรษะคน เอาเล็บเคาะหัว ศพแลวก็รูวา สัตวนี้บังเกิดในกําเนิดชื่อโนน ๆ พราหมณทั้งหลาย ทราบวามนตนี้เปนทางสําหรับเราเลี้ยงชีพ จึงใหวังคีสมาณพนั่ง ในรถที่ปกปดแลวไปยังคามนิคม และราชธานีทั้งหลาย หยุดที่ประตู เมือง หรือประตูนิคม ทราบวามหาชนมาชุมกันแลวแลวก็พูดวา ผูใดเห็นวังคีสะผูนั้นจะไดทรัพย หรือไดยศ หรือไดไปสวรรค ดังนี้ ชนเปนอันมากฟงถอยคําของพราหมณเหลานั้นแลวใหสินจาง ตองการจะดู พระราชาและอํามาตยของพระราชาไปยังสํานักของ พราหมณเหลานั้นถามวา คุณวิเศษ คือการรูของอาจารยเปน อยางไร ทานทั้งหลายไมรูหรือ ชื่อวาบัณฑิตอื่นที่จะเหมือนกับ อาจารยของพวกเราไมมีในชมพูทวีปทั้งสิ้น ใหบุคคลนําศีรษะของ คนแมตายไปแลว ๓ ป เอาเล็บเคาะก็รูวา สัตวนี้ไปเกิดในที่โนน ฝายวังคีสะเพื่อจะตัดความสงสัยของมหาชนจึงใหนําชนเหลานั้น มาแลวใหบอกคติของตน ๆ อาศัยเหตุนั้นไดทรัพยจากมือของมหาชน รอยหนึ่งบาง พันหนึ่งบาง.

พวกพราหมณพาวังคีสะมาณพเที่ยวไปตามชอบใจแลวก็ มาถึงกรุงสาวัตถีอีก วังคีสะอยูในที่ไมไกลเชตวันมหาวิหาร คิดวา คนทั้งหลายพูดกันวา พระสมณะโคดมเปนบัณฑิต ก็แตวาเราไม ควรจะเทียวไปกระทํา ตามดําของพราหมณเหลานี้อยางเดียวทุก เวลา เราควรไปสํานักของบัณฑิตทั้งหลายบาง วังคีสมาณพนั้น กลาวกะพราหมณทั้งหลายวา ทานทั้งหลายจงไปเถิด เราจะไมไป เฝาพระสมณะโคดมกับใครเปนอันมาก พราหมณเหลานั้นบอกวา


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 416

วังคีสะทานอยาชอบใจเฝาพระสมณะโคดมเลย เพราะคนใดเห็น พระสมณะนั้น พระสมณะนั้นก็จะกลับใจบุคคลนั้นดวยมายากล วังคีสะไมเชื่อถือถอยคําของพราหมณเหลานั้น ไปเฝาพระศาสดา การทําปฏิสัณฐานดวยคําอันไพเราะ นั่ง ณ ที่สมควรสวนหนึ่ง. ครั้งนั้นพระศาสดาถามเธอวา วังคีสะ เธอรูศิลปอะไร

วังคีสะทูลตอบวา พระเจาขา ขาพระองครูฉวสีสมนต พระศาสดา ตรัสถามวา มนตนั้นทําอะไร วังคีสะทูลวา รายมนตนั้นแลวเอาเล็บ เคาะศีรษะของตนแมตายไปแลวถึง ๓ ป ก็รูที่เขาเกิดพระเจาขา พระศาสดาทรงแสดงศีรษะของคนที่เกิดในนรกศีรษะหนึ่งแก วังคีสะนั้น ของคนเกิดในมนุษยศีรษะหนึ่ง ของคนเกิดในเทวโลก ศีรษะหนึ่ง แสดงศีรษะของผูปรินิพพานแลวศีรษะหนึ่ง วังคีสะนั้น เคาะศีรษะแรกกราบทูลวาทานพระโคดม สัตวนี้ไปสูนรก

พระศาสดาตรัสตอบวา สาธุ สาธุ ทานเห็นดีแลว แลวตรัสถามวา สัตวนี้ไปไหน วังคีสะ ไปสูมนุษยโลก ทานพระโคดม สัตวนี้ละไปไหน วังคีสะทูลวา สัตวนี้ไปเทวโลก พระเจาคะ เขากราบทูลถึงสถานที่ไป ของคนทั้ง ๓ พวก ดวยประการฉะนี้ แตเมื่อเอาเล็บเคาะศีรษะ ของ ผูปรินิพพาน ก็ไมเห็นทั้งปลายทั้งตน. ทีนั้นพระศาสดาจึงตรัสถาม วังคีสะนั้นวา ทานไมอาจเห็นหรือวังคสะ วังคีสะมาณพทูลวา เห็นซิ ทานพระโคดม ขาพระองคของสอบสวนดูกอน แลวพลิกกลับไปกลับมา วังคีสะจักรูคติของพระขีณาสพดวยมนตของลัทธิภายนอกไดอยางไร เมื่อเปนเชนนั้น เหงื่อก็ผุดออกจากหนาผากของเขา เขาละอายแลวยืนนิ่ง ครั้งนั้นพระศาสดาตรัสกะเขาวา ลําบากหรือวังคีสะ วังคีสะมูลวา พระเจาขา ทานโคดมขาพระองคไมรูที่ไปของสัตวนี้ ถาพระองคทราบ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 417

ขอจงตรัสบอกเถิด พระศาสดาตรัสวา วังคีสะ เรารูแมศีรษะนี้ แมยิ่ง กวานี้ก็รู ดังนี้แลวไดภาษิตพระคาถา ๒ คาถา นี้ในพระธรรมบทวา จุตึ โย เวทิ สตฺตาน อุปปตฺตึ จ สพฺพโส อสตฺตึ สุคต พุทฺธ ตมห พฺรูมิ พฺราหฺมณ ยสฺส คตึ น ชานนฺติ เทวา คนฺธพฺพมานุสา ขีณาสว อรหนฺต ตมห พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ

ผูใดรูจุติและอุปบัติ ของสัตวทั้งหลายโดยประ การทั้งปวง เราเรียกผูนั้น ผูไมของอยูแลว ไปดี แลว รูแลววาเปนพราหมณ. เทพคนธรรพและมนุษย ไมทราบคติของผูใด เราเรียกผูนั้น ผูมีอาสวะสิ้นแลว ผูเปนพระ- อรหันต วาเปนพราหมณ ดังนี้.

แตนั้น วังคีสะทูลวา ทานโคดม ผูแลกวิชากับวิชาไมมีความ เสื่อม ขาพระองคจักถวายมนตที่ขาพระองครูแดพระองค พระองค ไดโปรดตรัสบอกมนตนั้นแกขาพระองค พระศาสดาตรัสวา วังคีสะ เราจะไมแลกมนตดวยมนต เราจะใหอยางเดียวเทานั้น วังคีสะทูลวา ดีละทานโคดม ขอจงโปรดประทานแกขาพระองคเถิด แลวแสดง ความนอบนอมนั่งกระทําประณมมือแลว พระศาสดาตรัสวา วังคีสะ เมื่อสมัยทานเรียนมนตอันมีคามาก หรือมนตอะไรๆ ไมตองมีการ อยูอบรมหรือ วังคีสะ ไมมีดอกทานโคดม พระศาสดาตรัสวา ทานจะสําคัญวา มนตของเราไมมีการอบรมหรือ ขึ้นชื่อวา พราหมณ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 418

ทั้งหลายยอมเปนผูไมอิ่มดวยมนต เพราะฉะนั้นวังคีสะนั้นจึงกราบทูล พระผูมีพระภาคเจาวา ทานพระโคดมขาพระองคก็จักกระทําขอ กําหนัดที่พระองคตรัสไว พระศาสดาตรัสวา วังคีสะ เราเมื่อจะ ใหมนตนี้ ยอมใหแกผูที่มีเพศเสมอกันกับเรา วังคีสะกลาวกะ พราหมณทั้งหลายวา ขาพเจาควรกระทํากิจอยางใด อยางหนึ่ง แลวไปเรียนมนตนี้ วังคีสะกลาววา ทานทั้งหลาย เมื่อขาพเจาบวช แลว ก็อยาคิดเลย ขาพเจาเรียนมนตแลวจักเปนผูยิ่งใหญทั่วชมพูทวีป เมื่อเปนเชนนั้น แมทานทั้งหลายก็จักมีความเจริญดวย จึง บวชในสํานักพระศาสดาเพื่อเรียนมนต.

พระศาสดาตรัสวา ทานจงอยูอบรมเพื่อเรียนมนตกอน แลวตรัสบอกอาการ ๓๒ สัตวผูมีปญญาเมื่อสาธยายอาการ ๓๒ อยูก็เริ่มตั้งความสิ้นไปและความเสื่อมไปในอาการ ๓๒ นั้น เจริญ วิปสสนาแลวบรรลุพระอรหัต เมื่อทานบรรลุพระอรหัตแลว พวก พราหมณทั้งหลายในสํานักของทานดวยคิดวา วังคีสะจะเปนอยางไร หนอเราจักไปเยือนเธอถามวา ทานวังคีสะ ทานเรียนศิลปะในสํานัก ของพระสมณโคดมแลวหรือ ว. เออเราเรียนแลว พ. ถาอยางนั้น มาเถอะ เราจะไปกัน ว. ทานจงไปกันเถอะ กิจที่จะไปกับทาน เราทําเสร็จแลว พราหมณทั้งหลายกลาววา พวกเราบอกทาน ไวกอนแลวเทียววา พระสมณะโคดม จะทําคนผูที่มาหาตนใหกลับ ใจดวยมายากล บัดนี้ตัวทานอยูในอํานาจของพระสมณะโคดมแลว พวกเราจักทําอะไรในสํานักของทาน ตางพากันหลีกไปแลวตาม ทางที่มานั้นแหละ ฝายพระวังคีสะเถระไปเฝาพระทศพลเวลาใดๆ ก็ไปกระทําความสดุดีอยางหนึ่งในเวลานั้นๆ ดวยเหตุนั้นพระ-


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 419

ศาสดาประทับนั่ง ณ ทามกลางพระสงฆทรงสถาปนาทานไวใน ตําแหนงเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณ.

จบ อรรถกถาสูตรที่ ๔


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 31 ก.ค. 2564

ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม..

เรื่องพระวังคีสเถระ [๒๙๙]