ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
เหตุเพราะว่ายังไม่สามารถที่จะศึกษาธรรมได้อย่างถ่องแท้แต่ก็จะพยายามถึงที่สุด หากมีเวลาว่างครับ สาเหตุมาจากที่ผมได้เคยไปอธิบายการรับเงินทองของพระกับพระและผู้อื่น แต่ท่านก็มีเหตุหลายอย่างว่ารับได้โดยบอกว่า การยกเว้นจากมหาปเทส ๔ บ้าง กาลสมัยบ้าง พระพุทธองค์กำหนดเป็นวินัยบ้างซึ่งอาจไม่ต้องถึงกับรับโทษหนักในนรก? ตรงนี้เลยเกิดคำถามขึ้นมาเพื่อจะ ได้ตอบท่านที่ยังปฏิบัติอยู่ในการรับเงิน ขอถามครับว่า
๑. การที่พระพุทธองค์กำหนดเป็นพระวินัยออกมา ๒๒๗ ข้อนั้น ทำไมถึงกำหนดหลังเกิดเหตุครับ?
๒. หากทุกสิ่งในโลก สมณกระทำแล้วเกิดโทษ ท่านทำไมไม่กำหนดออกมาตั้งแต่ต้น? และทำไมโทษถึงหนัก ผมเคยอ่านเจอท่านบอกว่าโทษการรับเงินต้องได้รับโทษลงนรก ชั้นโรรุวนรก
๓. วินัยของพระ ๒๒๗ ข้อ เป็นกฎของธรรมชาติในโลกหรือเปล่าครับ? แล้วกฏของธรรมชาติจะมี มากกว่า ๒๒๗ ข้อที่ห้ามภิกษุหรือเปล่าครับ? หากไม่ใช่กฎธรรมชาติก็แสดงว่าเป็นกฎวินัยที่พระพุทธเจ้ากำหนดเอง ก็แสดงว่าไม่น่าจะรับโทษหนักถึงขั้นลง นรก?
๔. พระวินัยของท่านเป็นกุศโลบายหรือเปล่าที่จะให้พระปฏิบัติ แต่อาจจะไม่ได้รับโทษขนาด นั้นก็ได้?
คำถามบางประโยคอาจเคยถามแล้วต้องขออภัยด้วยครับ หากไม่เป็นการรบกวนขอตัวอย่างในพระไตรปิฏก และคำอธิบายทุกคำถามเพื่อความกระจ่างด้วยนะครับ คำถามทุกคำถามขออนุโมทนาบุญธรรมทานกับท่านผู้รู้ที่ตอบครับ และคิดว่าจะเป็น ประโยชน์ต่อทุกท่านที่อ่านครับ
๑. ๒. ขอเชิญอ่านเหตุผลจากพระบาลีและอรรถกถาพระวินัยที่ยกมา (ควรทราบว่าไม่มีใครรู้ดีเท่ากับพระพุทธองค์)
๓. ๔. พระวินัยที่ทรงบัญญัติทั้งหมดเป็นข้อปฏิบัติที่เหมาะสมแก่บรรพชิตเพื่อการเจริญขึ้นของกุศลธรรมเพื่อการบรรลุความเป็นพระอรหันต์ โดยจำนวนมีมากกว่า ๒๒๗ คือ นอกพระปาฏิโมกข์ก็ยังมีอีกมากมายนับไม่ถ้วน คือมากกว่าสิบล้านข้อ
เชิญคลิกอ่านที่นี่...
เหตุให้ทรงบัญญัติสิกขาบท [มหาวิภังค์]
เชิญคลิกอ่านที่นี่...
ข้อที่จะถูกตำหนิในการบัญญัติสิกขาบท [มหาวิภังค์]
๑. พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทหลังเกิดเหตุ เพื่อป้องกันคนติเตียน เช่น ปาราชิกข้อที่หนึ่งเรื่องเสพเมถุน ถ้าพุทธเจ้าบัญญัติก่อน คนก็จะบอกว่าเป็นภิกษุไม่เสพเมถุนหรอก ฯลฯ
๒. พระวินัยของพระภิกษุมีมากกว่า ๒๒๗ ข้อ ค่ะ พระวินัย แปลว่า แนะนำอย่างยิ่งหรือว่านำไปโดยวิเศษ
๑. ถ้าโรค (อกุศลอย่างหยาบ) ไม่เกิดให้เห็น ถ้าหมอ (พระพุทธเจ้า) รักษาคนไข้ (ปุถุชนและผู้ที่เข้ามาบวช) จะด่าหรือจะติเตียน ว่าเป็นถึงหมอ ผู้เชี่ยวชาญในโรคแต่รักษาโรคที่ไม่ได้เกิดได้ครับ และก็จะเหมือนว่า เป็นการผูกมัดในข้อปฏิบัติ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กระทำผิดอะไรลงไปครับ พูดง่ายๆ คือผู้อื่นจะติเตียนได้ว่า หยุมหยิมหรือจู้จี้จุกจิก ครับ
๒. โทษหนัก - เบา เพราะเป็นผลของกรรม ที่ผู้ก่ออกุศลกรรมในเพศบรรพชิตจะต้องได้รับอย่างไร....ก็ต้องเป็นไปตามความจริงอย่างนั้นๆ อย่างในอดีตชาติของพระโลสกติสสเถระ ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสแล้ว เป็นผู้ตระหนี่ มีกาย วาจาเบียดเบียนพระอรหันต์ผู้เป็นอาคันตุกะ เมื่อสำนึกผิดก็กลายเป็นมนุษย์เปรต หลังตายยังต้องตกนรกอีกหลายแสนปี เกิดเป็นยักษ์อีก ๕๐๐ ชาติ และสุนัขอีก ๕๐๐ ชาติ ครับ
๓ - ๔ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ทรงตรัสรู้ในความจริงของทุกสิ่งทุกอย่างครับ ถ้าไม่ทรงรู้ ไม่ทรงแสดง ถ้าไม่มีเหตุไม่ทรงแสดง ถ้าไม่มีปัจจัยไม่ทรงแสดง พระวินัยทุกข้อล้วนเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ครองเพศบรรพชิต คือ ความเป็นผู้บริสุทธิ์ มีความน่าเคารพเลื่อมใส ซึ่งไม่ใช่ สิ่งที่คฤหัสถ์จะถือปฏิบัติได้โดยง่าย ถ้าเป็นไม่ได้ ก็รักษาศีล ๕ ครับ หรือรักษาศีล ๘ ตามอัธยาศัย แล้วก็ศึกษาพระธรรมเพื่ออบรมเจริญ ปัญญาในเพศฆราวาสต่อไปครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนุโมทนาค่ะ