ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์ ขณะใดที่โสภณธรรมเกิดขึ้น ขณะนั้นเป็น โยนิโสมนสิการ ไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตน ทุกท่านที่ได้ศึกษาธรรมแล้ว ไม่ทราบว่าจะสังเกต พิจารณา โยนิโสมนสิการของท่านเองว่า ละเอียดขึ้นมากขึ้นหรือเปล่า ด้วยการที่เป็นผู้ที่ฟังพระธรรม ไตร่ตรองพระธรรม พิจารณา และอบรมเจริญปัญญา ที่ละเอียดขึ้น เช่น ท่านผู้ฟังท่านหนึ่งถามว่า ตอนต้นท่านก็มีสัทธาใคร่ที่จะศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม แต่ภายหลังเมื่อศึกษาและเข้าใจแล้วและสติปัฏฐานก็เกิดบ้างแล้ว ก็เลยดูเหมือนปล่อยตามสบายคล้ายๆ คลายความเพียรลง ในความรู้สึกของท่าน มีความรู้สึกว่าอย่างนั้น แต่ว่าที่เป็นอย่างนี้ก็เพระว่าจะต้องเข้าใจการเจริญขึ้นของ โยนิโสมนสิการในตอนแรกมีโยนิโสมนสิการ ในการที่ใคร่จะเข้าใจเรื่องของธรรม และเมื่อเข้าใจแล้วก็ฟังเพื่อที่จะรู้ว่า สติปัฏฐานคือขณะไหน ขณะที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแล้วพิจารณาลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ เพื่อที่จะรู้ตามความเป็นจริงว่าลักษณะนั้นเป็นนามธรรมหรือเป็นรูปธรรม แต่เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว การสะสมของอกุศลที่มาก ก็ทำให้เป็นที่หลงลืมสติ เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไร
บางท่านก็คิดว่า ถ้าได้สนทนากันและได้เข้าใจเหตุผลที่ละเอียดขึ้น ก็จะช่วยให้มีมีสัทธาเพี่มขึ้น เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะได้ทราบว่า โยนิโสมนสิการ ต้องละเอียดขึ้นอีกๆ ๆ เมื่อได้ฟังพระธรรม เมื่อได้เข้าใจ และเมื่อสติปัฏฐานเกิดแล้ว เพราะว่าการที่จะเป็นผู้มีปกติระลึกและรู้ลักษณะของสภาพธรรม ในชีวิตประจำวันจริงๆ และละคลายความไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมในชีวิตประจำวัน เช่นในขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ ในขณะที่ได้ยินเดี๋ยวนี้ย่อมเป็นสี่งที่ยากกว่า บางครั้ง บางขณะ บางกาละ สติปัฏฐานจะเกิดขึ้น และระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมเพียงบางอย่างบางประการ เช่นเวลาก่อนนอน อาจจะไม่มีเรื่องธุระกิจการงาน ไม่่มีความกังวลใจใดๆ ทั้งสี้น แต่เวลาอื่น สติปัฏฐานอาจจะไม่เกิด แต่ให้ทราบว่า โยนิโสมนสิการ ต้องละเอียดที่จะรู้ว่า เพียงรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม บางอย่าง บางเวลา ไม่พอ
เพราะฉะนั้น เมื่อมีเห็นขณะใด ได้ยินขณะใดก็ตาม คิดนึกเรื่องใดก็ตาม สุข ทุกข์เรื่องใดก็ตาม เพลิดเพลิน หรือว่ากังวล ขุ่นเคืองใจขณะใดก็ตาม เป็นสภาพธรรมที่สติจะต้องระลึก เพื่อรู้ว่าขณะนั้นไม่ใช่ตัวตน สัตว์บุคคล เพื่อละคลายอนุสัยกิเลสที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราโดยละเอียด มิฉะนั้นแล้วไม่มีทางที่จะดับ อนุสัยกิเลส ถ้าเพียงรู้ลักษณะบางนามบางรูป เท่านั้นด้วยเหตุนี้ โยนิโสมนสิการจึงต้องเจริญขึ้นและละเอียดขึ้นด้วย ในขณะที่กำลังมีชีวิตปกติประจำวัน แล้วสติปัฏฐานก็ไม่เกิด โยนิโสมนสิการ ก็คือรู้ว่า มีสภาพธรรมกำลังปรากฏ และสติควรระลึกเพื่อที่จะได้ศึกษาลักษณะนั้นว่าเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม
เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญปัญญาก็จะต้องประกอบด้วยโยนิโสมนสิการที่จะรู้ว่า ถ้าดูเหมือนละคลายความเพียร ก็เพราะว่าในขณะนั้น การสะสมของอกุศล ทำให้เพลิดเพลิน และหลงลืมสติ แต่เมื่อสติเกิดขณะใด ขณะนั้นก็โยนิโสมนสิการคือค่อยๆ ระลึก ค่อยๆ พิจารณา ค่อยๆ รู้ไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต เป็นชาติๆ ไป จนกว่าปัญญาสามารถจะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรม ตามความเป็นจริงได้ แม้ว่าจะน้อยๆ ดูเหมือนน้อยกว่าที่เคยเป็น แต่ก็ละเอียดกว่า เพราะว่าบางครั้ง บางเวลา สติปัฏฐานอาจจะเกิดจน รู้สึกว่านานหรือมาก แต่ว่าไม่ละเอียด เพราะว่าไม่รู้สภาพธรรมที่เป็นปกติในชีวิตประจำวันจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจอย่างนี้คือ โยนิโสมนสิการที่เจริญขึ้น โดยที่ถามว่าจะปฏิบัติอย่างไร เพราะว่าไม่ใช่เรื่องจะทำเลยค่ะ แต่เป็นเรื่องของการฟังพระธรรมให้เข้าใจ และอบรมความเข้าใจให้ละเอียดขึ้น
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านครับ
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
อ่านแล้ว เตือนตัวเองให้ไม่ละความเพียรขึ้นมาได้เลยค่ะ
ขอบพระคุณมาก และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอจ.สุจินต์ และทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ สาธุ...
เพราะว่าไม่ใช่เรื่องจะทำเลย แต่เป็นเรื่องของการฟังพระธรรมให้เข้าใจ และอบรมความเข้าใจให้ละเอียดขึ้น
....กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์....
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตคุณหมอและทุกๆ ท่านค่ะ
ขออนุโมทนาครับ