สภาพแข็ง
โดย papon  23 ก.ย. 2556
หัวข้อหมายเลข 23680

ท่านอาจารย์บรรยายบ่อยครั้งเกี่ยวกับสภาพธรรมที่ "แข็ง"เวลาเกิดกับกายวิญญาณ

ท่านหมายถึงอย่างไรเกี่ยวกับการเจริญสติปัฏฐานหรือไม่ ขอความอนุเคราะห์อาจารย์

กรุณาให้ปัญญาด้วยครับ ขออนุโมทนาครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 24 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แข็งเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นรูปธรรม ที่ไม่รู้อะไรเลย โดยความละเอียดแล้ว แข็ง

เป็นสภาพธรรมที่ปรากฎกับกายวิญญาณ และปรากฎกับสติ ความหมายคือ ไม่ว่าใคร

บุคคลใด ก็มีแข็งกำลังปรากฎในขณะนี้ คือ เมื่อมีการกระทบสัมผัส ก็มีแข็งปรากฎ

คือ กายวิญญาณเกิด รู้ลักษณะที่แข็ง ดังนั้น ขณะที่แข็งกำลังปรากฎกับ จิตที่รู้กระทบ

สัมผัสที่เป็นกายวิญญาณ ซึ่งก็มีเป็นปกติในชีวิตประจำวัน แต่ขณะนั้น ก็ไม่ได้รู้ว่าเป็น

ธรรมไม่ใช่เรา ไม่มีสติและปัญญาเกิดร่วมด้วย ผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน จึงไม่ควรสำคัญผิด

ว่า ขณะที่แข็งปรากฎในขณะนี้ และมีเพียงลักษณะที่แข็งกำลังปรากฎเท่านั้น จะหมาย

ถึง สติปัฏฐานเกิดแล้ว เพราะมีเพียงลักษณะที่แข็งปรากฎเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง

ขณะที่ลักษณะของแข็งปรากฎกับสติและปัญญา คือ สติปัฏฐานระลึกลักษณะที่แข็งนั้น

มีแต่เพียงลักษณะที่แข็งปรากฎเท่านั้นเช่นกัน แต่ต่างกับ กายวิญญาณ หรือ จิตที่รู้

กระทบสัมผัสที่มีแต่เพียงรู้แข็งเท่านั้น ตรงที่ว่า สติปัฏฐานระลึกลักษณะที่แข็ง มีสติ

และปัญญาเกิดร่วมด้วย คือ ขณะที่รู้ลักษณะที่แข็งขณะนั้น รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรม

ไม่ใช่เราด้วยครับ แต่ขณะที่ กายวิญญาณ หรือ จิตที่รู้แข็ง เกิดขึ้นรู้แข็ง ขณะนั้นไม่ได้

รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา การเจริญสติปัฏฐานจึงต้องอาศัยการฟัง ศึกษาอย่างละเอียดก็

จะทำให้เข้าใจถูกในเรื่อง การระลึกลักษณะที่แข็งที่เป็นสติปัฏฐานครับ

ดังนั้นแข็งที่ปรากฎกับกายวิญญาณ ก็ปรากฎอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ ไม่ได้ปรากฎ

กับสติ และ ปัญญา เพราะฉะนั้น ก็ให้เข้าใจถูกว่า ขณะที่พยายามจดจ้องในขณะที่แข็ง

ปรากฎ ขณะนั้นแม้มีแข็งจริง และมีลักษณะแข็งปรากฎก็จริง แต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นแต่เพียง

ธรรม แต่กำลังคิดนึก ถึงสภาพธรรมที่แข็ง และ จดจ้องในสภาพธรรมที่แข็ง นี่คือความ

ละเอียดของการเจริญสติปัฏฐาน เพราะไม่เช่นนั้น ก็สำคัญผิด ว่ารู้แข็งแล้ว เป็นสติปัฏ-

ฐานแล้ว แท้ที่จริง ก็เป็นลักษณะแข็งที่ปรากฎกับกายวิญญาณ

ท่านอาจารย์ จึงกล่าวแสดง เรื่องแข็ง ที่ปรากฎกับกายวิญญาณบ่อยๆ เพื่อเตือนให้

เข้าใจถูกว่า แข็งที่ปรากฎกับกายวิญญาณ มี ไม่ใช่การรู้ลักษณะด้วยสติและปัญญา

ว่าเป็นแต่เพียงธรรมในขณะนั้น ครับ ซึ่งขณะที่แข็ง ปรากฎกับสติและปัญญาที่เป็น

การเจริญสติปัฏฐาน ย่อมรู้ในลักษณะที่กำลังปรากฎ และ รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่

เราโดยไม่ได้คิด แต่ รู้ในขณะนั้นจริงๆ ครับ และ ท่านอาจารย์ แสดงเพื่อให้เข้าใจว่า

จิตที่รู้อารมณ์ ที่เป็นแข็ง กับ ปัญญาที่รู้แข็ง นั้นต่างกัน เพราะ กายวิญญาณที่รู้แข็ง

ไม่ได้รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรม แต่ ปัญญาที่รู้แข็ง รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ที่เป็น

ปัญญาในการเจริญสติปัฏฐาน ครับ

ขอเชิญอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ได้ในเรื่องนี้ ครับ

" คำถามของเด็กอนุบาล ....จิตรู้แข็ง กับ ปัญญารู้แข็ง "

ขวัญเรือน และคำถามของเด็กอนุบาล อีกคำถามหนึ่ง คือ ขณะที่กายวิญญาณ รู้แข็ง ต่างกับปัญญารู้แข็งอย่างไรท่านอาจารย์ ค่ะ เด็กๆ รู้ไหมว่าแข็ง คนที่ไม่ได้ฟังธรรมรู้ไหมว่าแข็ง หน้าที่

ของกายวิญญาณ คือ จิต เป็นสภาพที่รู้แจ้งอารมณ์ ที่ปรากฏ

เพราะฉะนั้น แข็ง เราอาจจะคาดคะเนไม่ถูกว่า แข็งระดับไหน ถ้า ไม่มีการกระทบสัมผัส ถ้าจิตไม่เกิดขึ้นรู้ลักษณะแข็งนั้นจริงๆ จะ ไม่รู้ว่าแข็งนั้น มีความแข็งมากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้น ก็ให้ทราบ

ว่า กายวิญญาณก็เป็นจิต ที่เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้แจ้ง เมื่อ แข็งเป็นอารมณ์ แข็งกำลังปรากฏ ลักษณะของแข็งนั้น จะแข็งแค่ ไหนก็ตามแต่ จิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น เรา อาจจะถามคนอื่นว่า แข็งไหม เขาตอบว่าแข็ง แต่ถ้าถามว่าแข็ง เป็นอะไร? ...เขาไม่รู้.....ที่จะรู้ว่าเป็นธรรม เขาไม่รู้ แต่ว่าสามารถ จะรู้ได้เพียงว่า ลักษณะนั้นแข็ง เมื่อใครๆ ที่มีกายปสาท มีสิ่งที่ กระทบแล้ว จิตซึ่งรู้สิ่งที่กระทบ เกิดขึ้น ก็มีร้อนบ้าง แข็งบ้างเป็น ธรรมดา ไม่ใช่เป็นปัญญาที่เห็นถูกว่า เป็นสภาพธรรมหนึ่ง ใน สภาพธรรมที่ปรากฏ แต่ละทาง ทุกวันๆ ที่มีสภาพธรรม ที่ปรากฏ เป็นธรรม แต่ละทางจริงๆ

สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เป็นธรรมที่ ปรากฏทางตา ไม่ใช่ธรรมที่ ปรากฏทางหู เพราะฉะนั้น เวลาที่มีเสียงปรากฏ ก็เป็นธรรมอีกอย่างหนึ่ง

เพราะฉะนั้น จึงเป็นธรรมทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม รู้แต่เพียงว่าอ่อน หรือ แข็ง สีอะไร เสียงอะไร แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นธรรม นี่เป็นความต่างกันนะคะ ของจิต ซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธาน ในการรู้แจ้งลักษณะของอารมณ์ และปัญญาที่มีความเห็นถูกต้อง ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้น

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สุ. ก่อนประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรม ต้องระลึกก่อนใช่ไหมคะ เพราะว่ามีตัว

จริงๆ ขณะนี้ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจขณะที่สติสัมปชัญญะเกิดว่า ไม่ใช่สมาธิ ไม่ใช่

เจตนา เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเรียนเรื่องลักษณะของสติ และสติก็มีหลายขั้น ถ้าสติที่

เป็นสติสัมปชัญญะ ตามปกติ ตามรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกตินิด

เดียว เพราะเหตุว่าแข็งปรากฏ ปกติไม่เคยระลึกตรงแข็ง ก็คิดเรื่องราวต่างๆ ไปเลย แต่

ขณะนี้ อย่างนี้ สติเกิดระลึกที่แข็ง ได้ ลักษณะแข็งปรากฏกับกายวิญญาณ และปรากฏ

กับสติด้วย เพราะถ้าไม่มีกายวิญญาณ แข็งจะปรากฏได้ไหมคะ ไม่ได้ แต่เมื่อแข็งเกิด

แล้วเป็นปกติ ไม่เคยมีสติระลึกตรงนั้น

เพราะฉะนั้นเวลาที่แข็งปรากฏตามปกติ สติก็ระลึกที่แข็งตามปกตินั่นแหละ

และค่อยๆ เข้าใจลักษณะที่แข็งต่างกับสภาพที่กำลังรู้ลักษณะที่แข็ง ก็เป็นสิ่งที่ความ

กินเวลา ทำให้ดูเหมือนกับว่า แล้วเมื่อไร แล้วอย่างไร ก็เป็นอย่างนี้ ระลึกอีกก็เป็นอย่าง

นี้ ระลึกอีกก็เป็นอย่างนี้ จะให้เป็นอย่างอื่นได้อย่างไร

การจัดด้ามมีด จับทีเดียวสึก เป็นไปไม่ได้เลย แต่อาศัยการจับบ่อยๆ ก็สึกได้ฉันใด

เวลาที่สติปัฏฐานเกิด คนนั้นก็เริ่มเข้าใจ เพราะต้องมีปัญญาเกิดร่วมด้วย รู้ว่า

ขณะนั้นเป็นสติ ไม่ใช่เรา ต่างกับขณะที่หลงลืมสติ แต่เป็นขั้นที่เพียงเริ่มเข้าใจ

ความต่างของสติสัมปชัญญะกับสติขั้นอื่น

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 24 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แข็ง (ธาตุดิน) เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่ปรากฏเมื่อกระทบกับกายปสาทะ เป็นเหตุให้จิตเกิดขึ้นรู้แข็งทางกายทวารตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ

ซึ่งตามการศึกษาในความเป็นจริงของธรรม ก็จะเห็นได้ว่าแข็ง เป็นอารมณ์ของจิต

ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยกายทวารทั้งหมด แต่รู้โดยกิจหน้าที่ที่ต่างกัน กล่ววคือ

กายทวาราวัชชนะ ก็รู้โดยที่รำพึงถึงว่ามีอารมณ์กระทบกับกายปสาทะ กายวิญญาณ

ก็รู้แข็งโดยการรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏทางกายแต่ไม่ใช่รู้แจ้งด้วยปัญญาแต่เป็นการรู้

อารมณ์ทีกระทบกายปสาทะเท่านั้น สัมมปฏิจฉันนจิต รู้ด้วยการรับรู้อารมณ์ต่อจาก

กายวิญญาณ ต่อจากนั้นสันตีรณจิตก็เกิดขึ้นรู้อารมณ์ด้วยการพิจารณาอารมณ์ ดับไป

แล้วเป็นเหตุให้จิตขณะต่อไป คือ โวฏฐัพพนจิตเกิดขึ้นทำกิจตัดสิ้นอารมณ์ คือ

กระทำทางให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้นว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล ตามการสะสมของแต่

ละบุคคล เมื่อโวฏฐัพพนจิตดับไปแล้วจิตขณะต่อไปคือชวนจิตเกิดขึ้น เป็นกุศลหรือ

อกุศล (หรือ มหากิริยาสำหรับพระอรหันต์) ถ้าผู้ที่สะสมอบรมเจริญปัญญาในการระ

ลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ในขณะนั้นสติปัฏฐานสามารถ

เกิดขึ้นระลึกรู้แข็งตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ได้ ต่อจากชวนจิตแล้ว

ถ้าแข็งยังไม่ดับไป ก็เป็นเหตุให้ตทาลัมพนจิตเกิดสืบต่ออีก รู้แข็งต่อจากชวนจิต

ทั้งหมดนั้นคือ การเกิดดับสืบต่อของจิตทางกายทวารที่มีแข็ง (ธาตุดิน) เป็น

อารมณ์ ถ้ารู้แข็งโดยกายวิญญาณ ไม่ใช่สติปัฏฐาน เพราะขณะนั้นมีเจตสิกเกิด

ร่วมด้วยเพียง ๗ เท่านั้น ไม่มีสติ ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยเลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 24 ก.ย. 2556

แข็งรู้ได้ทุกวัย ไม่ว่าเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ถ้าปัญญาไม่เกิดก็ยึดเป็น

ตัวเรา เป็นสัตว์สิงของ แต่ถ้าปัญญาเกิดก็รู้ว่าแข็งเป็นธาตุอย่างหนึ่ง

ไม่ใช่ตัวตน วัตถุสิ่งของ ค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย thilda  วันที่ 28 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ