พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ หน้าที่ ๘๐๓
บุคคลเจ้าทิฏฐิ อาศัยทิฏฐิธรรมเหล่านี้ คือรูปที่ได้เห็นบ้าง เสียงที่ได้ฟังบ้าง อารมณ์ที่ได้ทราบบ้าง ศีลและพรตบ้าง จึงเป็นผู้เห็นความบริสูทธ์ และตั้งอยู่ในการวินิจฉัยทิฎฐิแล้วร่าเริงอยู่ กล่าวว่า ผู้อื่นเป็นคนเขลา ไม่ฉลาด
บุคคลเจ้าทิฎฐิย่อมติเตียนผู้อื่นว่า เป็นคนเขลา ด้วยทิฏฐิใด กล่าวยกตนว่าเป็นผู้ฉลาดด้วยลำพังตน ย่อมติเตียนผู้อื่นกล่าวทิฏฐินั้นเอง บุคคลยกตนว่าเป็นคนฉลาดด้วยทิฏฐินั้น
ชื่อว่าเจ้าทิฏฐินั้น เต็มไปด้วยความเห็นว่าเป็นสาระยิ่ง และมัวเมาเพราะมานะ มีมานะบริบูรณ์ อภิเษกตนเองด้วยใจว่าเราเป็นบัณฑิต เพราะว่าทิฏฐินั้นของเขาบริบูรณ์แล้วอย่างนั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ,คำปั่น ที่กรุณาค้นข้อความจากพระไตรปิฎกมาให้ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ด้วยความเคารพ จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ