ปุถุชนอย่างเรายังมีศรัทธาที่คลอนแคลน ไม่มั่นคงอย่างพระอริยสาวกเช่น พระโสดาบัน เรายังมีกิเลสหนา มีความอยาก มีความสำคัญตนมากอยู่จึงไม่อาจน้อมเข้าหาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้เต็มตัว ความซาบซึ้งในพระธรรมก็เกิดเมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมในบางขณะเท่านั้น ไม่ได้เกิดบ่อยอย่างใจต้องการ แต่เราสั่งสมอุปนิสัยในการฟังพระธรรมและกระทำกุศลทุกประการอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
[เล่มที่ 39] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 12
เรื่อง ปุถุชนยังมีความไม่มั่นคงในพระรัตนตรัย
การขาดสรณคมน์ ของบุคคลผู้ถึงสรณคมน์อย่างนี้ มี ๒ อย่าง คือ มีโทษและไม่มีโทษ การขาดสรณคมน์เพราะการตาย ชื่อว่าไม่มีโทษ การขาด สรณคมน์เพราะหันไปนับถือศาสดาอื่น และประพฤติผิดในพระศาสดานั้น ชื่อว่ามีโทษ. การขาดแม้ทั้ง ๒ นั้น ย่อมมีแก่พวกปุถุชนเหล่านั้น สรณะของ ปุถุชนเหล่านั้น ย่อมชื่อว่าเศร้าหมอง เพราะประพฤติไปด้วยความไม่รู้ ความ สงสัยและความรู้ผิด และเพราะประพฤติไม่เอื้อเฟื้อเป็นต้น ในพระพุทธคุณ ทั้งหลาย ส่วนพระอริยบุคคลหามีสรณะที่ขาดไม่ และหามีสรณะเศร้าหมอง ไม่ เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วย ทิฏฐิ [สัมมาทิฏฐิ] จะพึงนับถือศาสดาอื่น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ความประมาทเปรียบเหมือนรอยเท้าช้าง ธรรมทั้งหลายย่อมจมลงในที่นั้น อกุศลย่อมเสื่อมไป เพราะความเป็นผู้ไม่ประมาท
เพราะฉะนั้น ให้มีความมั่นคง ตั้งใจศึกษาธรรม ทำความดีทุกอย่างค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ