ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ประเสริฐที่สุด ควรค่าแก่การฟัง การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม ก็ควรฟัง ควรศึกษาทั้งนั้น เพราะมีประโยชน์ เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยส่วนเดียว ไม่มีโทษเลย
วันอังคารที่ ๖ และ วันพุธที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ มีโครงการที่สำคัญยิ่งเกิดขึ้นที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา คือ "โครงการอบรมคุณธรรมเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจความจริง" ด้วยความเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง โดยการนำของผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา แห่งนี้ คือ คุณดวงรัตน์ ชิตเจริญ (สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๑๖๖) เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นักเรียน คณาจารย์และบุคลากรของโรงเรียนแห่งนี้ ได้ฟัง ได้ศึกษาสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต ที่มีเพียงเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่จะได้ฟังได้ศึกษา
วันนี้ วันอังคารที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นวันแรกของการสนทนาธรรม ต้งแต่ช่วงเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. โดยได้เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงพระคุณอันประเสริฐยิ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ชาวพุทธเคารพสักการบูชากราบไหว้อยู่ตลอด แต่ถ้าไม่ได้ฟังคำสอนที่พระองค์ทรงแสดง จะรู้ถึงพระคุณอันประเสริฐยิ่งของพระองค์ได้อย่างไร ก็เป็นแต่เพียงการกราบไหว้ตามๆ กันไป โดยไม่ได้รู้ถึงพระคุณของผู้ที่ตนเคารพกราบไหว้เลย ต่อจากนั้น ก็ได้กล่าวถึง ธรรม ในนัยต่างๆ โดยเฉพาะธรรมหมวด ๓ คือ ธรรมที่เป็นกุศล ก็มี ธรรมที่เป็นอกุศล ก็มี ธรรมที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล ก็มี ที่นักเรียนส่วนใหญ่คุ้นในคำภาษาบาลีว่า กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา แต่ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย และไม่ใช่เฉพาะแต่นักเรียนเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ แม้แต่ผู้ใหญ่เอง ก็ไม่เข้าใจ จึงแสดงให้เห็นว่า การที่จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกได้นั้น ต้องได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะฉะนั้น การมีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย จึงเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ถ้าได้ฟังอีก ไม่ขาดการฟัง ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น เป็นชาวพุทธหรือพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง เพราะได้เข้าใจในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
ช่วงหนึ่งของการสนทนา เป็นประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ที่อาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ ได้กล่าวถึงทรัพย์อันประเสริฐที่ควรสะสม และ เหตุที่จะทำให้ได้รับทรัพย์อันประเสริฐนี้ ซึ่งควรค่าแก่การพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง จึงขอโอกาสถอดเทปประมวลสาระสำคัญในช่วงดังกล่าวมาให้ทุกๆ ท่านได้อ่านและพิจารณาร่วมกัน ดังนี้
"ดีที่สุดที่ท่านผู้อำนวยการ (ดวงรัตน์ ชิตเจริญ) ท่านให้ได้มาสนทนาธรรม ให้เราได้สะสมทรัพย์ คือ ความเข้าใจถูก ซึ่งสะสมไว้ในจิต ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินเลยเพราะว่ามีผลของอกุศลกรรมถูกยึดหมดหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่กุศลจิตเกิด ก็ไม่เดือดร้อน แม้ว่าจะมีทรัพย์นับแสนนับล้านพันทวี ก็ต้องเดือดร้อน ถ้าไม่มีปัญญา เพราะฉะนั้น นักเรียนก็มีหน้าที่อยู่สองอย่าง คือ สะสมความรู้ทางโลก สะสมทรัพย์เงินทองไว้บ้าง และ โดยเฉพาะสะสมทรัพย์ คือ ปัญญา ซึ่งใครที่จะเป็นผู้ให้ทรัพย์สูงสุด? ใคร คือ ผู้ที่จะให้คำสอนสูงสุด? ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น จึงมีข้อความที่แสดงไว้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปรียบเหมือนผู้ให้ทรัพย์ พระธรรมเปรียบเหมือนทรัพย์ และผู้ที่ฟังพระธรรมเข้าใจ เป็นสาวก เปรียบเหมือนผู้ได้ทรัพย์ ได้มรดก อยากจะรับทรัพย์ อยากจะรับมรดกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องศึกษาโดยการฟังและไตร่ตรองพระธรรม พระธรรม คิดเองไม่ได้ ไปทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้ว เราไม่ได้สะสมบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเอง ก็ต้องฟังคำของพระองค์ สาวก คือ ผู้ฟัง เพราะฉะนั้น ผู้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นผู้ที่จะได้รับทรัพย์อันประเสริฐ เพราะฉะนั้น ก็เป็นบุญของนักเรียนที่ตอนนี้แหละเป็นโอกาสที่จะได้สะสมทรัพย์คือปัญญาตั้งแต่เด็กๆ ไว้เป็นพืชเชื้อที่จะทำให้เราเข้าใจได้ วันนี้เข้าใจได้นิดหนึ่ง สะสมไว้ ต่อไปก็จะได้เข้าใจอีกๆ นี่คือ การสะสมปรุงแต่งของสิ่งที่ดีที่สุด คือ ความเข้าใจธรรม"
มีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ ก็เพื่ออบรมเจริญปัญญา ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้ทำชีวิตที่ยังมีอยู่ ยังเหลืออยู่นี้ ให้เป็นชีวิตที่มีค่ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ให้เป็นชีวิตที่มีขณะจิตที่ดีด้วยกุศลธรรม ด้วยการสะสมปัญญา จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้ง สะสมทรัพย์อันประเสริฐต่อไป จึงจะเป็นผู้มีชีวิตที่ไม่ว่างเปล่าจากประโยชน์ ไม่เสียชาติเกิดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งเป็นการฟังสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต
ข้อความธรรมหลายตอนทีเดียวที่แสดงถึงความสำคัญยิ่งของความเข้าใจถูกเห็นถูก จากการมีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม ที่ปรากฏในหนังสือ “เก็บไว้ในหทัย” ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้กล่าวไว้ เป็นประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ดังเช่น
@ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก กิเลสที่มีมากในสังสารวัฏฏ์แต่ละคนประมาณไม่ได้เลย สามารถจะค่อยๆ ลดละคลายลงไปทีเล็กทีละน้อย ก็ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก
@ ถ้ามีชีวิตอยู่ไป แต่ไม่เข้าใจพระธรรม ก็อยู่ไปเพิ่มกิเลส เพิ่มความติดข้อง เพิ่มความไม่รู้ต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งมีอายุยืน ก็สะสมกิเลสมากขึ้นไป แต่การมีชีวิตที่ประเสริฐ คือ มีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจพระธรรม เพื่อปัญญาปรากฏ
@ ถ้าเห็นประโยชน์ของการเข้าใจธรรมจริงๆ ก็จะรู้ว่า ไม่มีอะไรที่จะมีค่าเท่ากับได้ฟังพระธรรม เพราะเหตุว่าต้องตายแน่นอน แต่ว่าจะตายอย่างโง่ไม่รู้อะไรเหมือนเดิม หรือว่าตายไปโดยที่ได้เข้าใจธรรม
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
....การมีชีวิตที่ประเสริฐ คือ มีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจพระธรรม เพื่อปัญญาปรากฏ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอบพระคุณและอนุโมทนายิ่งครับอาจารย์คำปั่น
"คนที่เป็นอยู่ด้วยปัญญา นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า มีชีวิตประเสริฐ"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ