ได้ยินแล้วคิด
โดย Khaeota  4 พ.ย. 2555
หัวข้อหมายเลข 22009

ขอนอบน้อมแด่ ... องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เคยได้ยิน ท่าน อ.สุจินต์ แสดง "โจรปล้นแก้ว" ได้ยินแล้วคิด ... คืออะไร ... ใครสำคัญต่อการอบรมเจริญความเข้าใจธรรมหรือไม่อย่างไร

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 5 พ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็น ครับ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมไว้โดยละเอียด โดยประการทั้งปวง รวมถึงเรื่องของกุศลธรรม และ อกุศลธรรม พระองค์ก็ทรงแสดงไว้อย่างมากมาย ทั้งหมดนั้น ก็เพื่อที่จะให้เห็นโทษของอกุศล และเห็นคุณของการอบรมเจริญกุศลทุกประการ ที่จะทำให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษาได้พิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อที่จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดขึ้น เพราะขณะที่มีค่า ก็คือ ขณะที่กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เป็นไปกับการอบรมเจริญปัญญา รู้สภาพธรรมในขณะนี้ ตามความเป็นจริง

ในทางตรงกันข้าม ขณะที่อกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไปนั้น ไม่มีค่าเลย มีแต่โทษโดยส่วนเดียว เปรียบเหมือนกับโจรที่คอยดักปล้นกุศล ปล้นสิ่งที่มีค่า เพราะเหตุว่า เวลาที่อกุศล มี โลภะ เป็นต้น เกิดขึ้นนั้น ก็จะไม่เจริญกุศลประการใดๆ ไม่ฟังพระธรรม เป็นต้น เลย เวลานั้นมีเครื่องกั้น ไม่ให้กุศลจิตเกิด ไม่ยอมให้ไปสู่จุดหมายโดยราบรื่น อกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นเช่นนั้น คือเป็นโจรที่คอยดักปล้นกุศล เพราะในขณะที่อกุศลเกิด กุศลก็จะเกิดไม่ได้ ทำให้ห่างเหินจากพระธรรมอันเป็นรัตนะที่ประเสริฐ

จากประโยคที่ว่า โจรปล้นแก้ว ก็คงจะหมายถึงในลักษณะนี้ เป็นการปล้นสิ่งที่ประเสริฐ ในขณะที่อกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป

พระธรรมทั้งหมด จึงเป็นเครื่องเตือนที่ดี และเป็นเครื่องเตือน สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างแท้จริง ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากทุกคนในขณะนี้ที่ยังเป็นผู้มากไปด้วยกิเลสด้วยกันทั้งนั้น เพื่อเตือนให้ได้รู้ว่า ตนเองมีกิเลสมากมายแค่ไหน ที่จะเป็นเหตุให้ค่อยๆ ขัดเกลา ละคลายด้วยความเข้าใจพระธรรม กิเลสอกุศลธรรมที่มีมาก ก็ต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ถึงจะสามารถดับได้ แต่ถ้าไม่มีปัญญาแล้วก็ไม่ต้องกล่าวถึงการดับกิเลส เพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ครับ

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ทุกท่าน ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แก้วตา และ ทุกๆ ท่านด้วยครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 5 พ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า โจรปล้นแก้ว ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า แก้ว หรือ ภาษาที่ใช้กัน คือ รัตนะ รัตนะ หมายถึง ที่เป็นของมีค่า ควรแก่การมีและการรักษาไว้ และนำมาซึ่งความปลื้มใจ และนำประโยชน์สุขมาให้ นี่คือความหมายของรัตนะหรือแก้วที่ประเสริฐ

รัตนะที่ประเสริฐ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือสภาพธรรมฝ่ายดีที่เป็นเจตสิกฝ่ายดี ที่ประกอบด้วยรัตนะ คือศรัทธา สติ หิริ โอตัปปะ สุตะ จาคะ ปัญญา เป็นต้น รวมความว่า สภาพธรรมที่เป็นฝ่ายดี ที่เป็นรัตนะ อันหมายถึงนำมาซึ่งความปลื้มใจและประโยชน์สุข สภาพธรรมที่ดี มีกุศลธรรม ที่เป็นศรัทธาและปัญญา เป็นต้น เมื่อเกิดขึ้น ชื่อว่าเป็นแก้ว เป็น รัตนะ เพราะนำมาซึ่งความสุขใจที่เกิดจากกุศลธรรม นำมาซึ่งความปลื้มใจคือปิติที่เกิดจากกุศลธรรม และนำมาซึ่งประโยชน์สุข คือนำมาซึ่งความสุขมาให้ ในโลกนี้ โลกหน้า และ รัตนะ ที่ชื่อว่า แก้ว เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด ดังนั้น รัตนะที่ประเสริฐสุดคือปัญญา เพราะนำมาซึ่ง การละคลายกิเลสประการต่างๆ

คำว่า โจร หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นกิเลส เพราะฉะนั้นจะได้ยินคำว่า หมู่โจร นั่นก็คือ หมู่กิเลส โจรทำหน้าที่ปล้น ปล้นเอาทรัพย์สมบัติและของมีค่า โจร จึงไม่พ้นจากความจริงในชีวิตประจำวัน ในอาสีวิสสูตร พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า หมู่โจร คือกิเลสที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นที่ไหน กำลังเกิดในชีวิตประจำวัน คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ขณะที่กิเลสเกิดขึ้น ท่านเปรียบเหมือนหมู่โจรที่กำลังล้อมบ้าน จุดไฟเผา และขณะที่กิเลสเกิดขึ้นทางตา ... ใจ ชื่อว่า โจรกำลังปล้น รวบรวมทรัพย์ คือปล้นคุณความดีออกไปจากจิตใจ ปล้นรัตนะ คือแก้ว ที่เป็น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ และปัญญาในขณะนั้น ปล้นโดยการไม่ทำให้เกิดกุศลธรรม และขณะที่ทำอกุศลกรรมบถที่มีกำลังมากๆ ไม่ใช่เพียงโดนปล้นเท่านั้น ถูกโจรฆ่าให้ตาย เพราะฆ่าคุณความดีไปหมดสิ้นในขณะนั้น เพราะมีการทำอกุศลกรรมที่มีกำลัง

ในชีวิตประจำวันนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ครับ ว่า มีหัวหน้าโจรอยู่ ๑๒ คน คือ อกุศลจิต ๑๒ ดวง และก็ถูกหัวหน้าโจรทั้ง ๑๒ นี้ คอยปล้นและฆ่าด้วย ปล้นทรัพย์ คืออริยทรัพย์ ปล้นแก้ว คือรัตนะที่เป็นสภาพธรรมที่ดี และฆ่า คือ ฆ่าคุณความดี

แต่พระพุทธเจ้าแสดงอุปมา การปราบโจรคืออกุศลธรรมไว้ด้วย ไม่ใช่เพียงรู้ว่ามีโจรมาปล้นแก้ว เพราะไม่ใช่เพียงรู้ แต่จะต้องอบรมปัญญาเพื่อถึงการฆ่าโจร คือหมู่กิเลส ได้ด้วยการอบรมปัญญา เจริญสติปัฏฐาน ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงอุปมาการฆ่าโจรไว้น่าฟังครับว่า

มีพระราชาเมืองหนึ่ง ปกครองนครใหญ่ ภายหลังมีหัวหน้าโจร ๑๒ คน และผู้แวดล้อมหลายพัน คืออกุศลจิต ๑๒ ดวง และกิเลสประการอื่นๆ พวกโจรก่อความวุ่นวายโดยการปล้นฆ่าที่เมืองชายแดน อำมาตย์ส่งข่าวให้พระราชาทราบ พระราชาทรงส่งกองทัพไปปราบอำมาตย์และกองทัพสามารถฆ่าหัวหน้าโจรในครั้งแรกได้ ๕ คน และพวกที่เหลือยังเหลืออีก ๗ พระราชาก็ให้ไปปราบที่เหลือ ครั้งที่สอง ก็สามารถทำให้หัวหน้าโจรอีก ๒ คนบาดเจ็บ ทุรพล แต่ยังไม่ตาย แต่ครั้งที่สาม ก็สามารถฆ่าโจร ๒ คนนั้นให้ตายพร้อมทั้งบริวาร แต่ยังเหลือหัวหน้าโจรอีก ๕ คน พระราชาก็ได้ให้คำสั่งให้ตามฆ่า จนสุดท้าย ครั้งที่ ๔ ก็สามารถฆ่าหัวหน้าโจรทั้ง ๕ และ บริวารได้จนหมดสิ้น

อุปมาดังเช่น พระราชาคือพระพุทธเจ้า หรือเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ก็คือพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง หัวหน้าโจรทั้ง ๑๒ คน คืออกุศลจิต ๑๒ ดวง อำมาตย์และกองทัพ คือปัญญาและกุศลธรรมทั้งหลาย ที่ทำหน้าที่ฆ่าโจร การฆ่าโจรครั้งแรก ๕ คน คือปัญญาที่เกิดเป็นโสดาปัตติมรรค ละอกุศลจิต ๕ ดวง ขณะที่ทำให้กิเลสเบาบางลง คือสกทาคามิมรรคจิตเกิดขึ้น ขณะที่ฆ่าโจรอีก ๒ คน คือโลภะที่พอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และ โทสะ คืออนาคามิมรรคจิตเกิดขึ้น และขณะที่ฆ่าโจรอีก ๕ คนและบริวารได้ทั้งหมด ชื่อว่า ฆ่ากิเลสได้ทั้งหมด ด้วยอรหัตตมรรคจิต ครับ

จะเห็นนะครับว่ากว่าจะฆ่าโจรได้ จะต้องอบรมปัญญาอย่างยาวนาน โดยอาศัยหมู่อำมาตย์และกองทัพ คือกองทัพกุศลธรรม มีปัญญานำหน้า ซึ่งก็จะต้องอาศัยพระราชาออกคำสั่ง คือพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงดีแล้ว ซึ่งหนทางการฆ่าโจร จะต้องเริ่มจากความเข้าใจถูกเบื้องต้นขั้นการฟัง เพราะฉะนั้นชีวิตประจำวันก็จะต้องถูกหมู่โจร ปล้นรัตนะ คือแก้ว ที่เป็นคุณความดี เป็นธรรมดา แต่หนทางที่ถูกต้อง คือไม่ใช่มีตัวตนที่จะไปพยายามละโจร ละกิเลส ด้วยการจะทำ แต่สำคัญที่ความเข้าใจถูก ว่าแม้โจร ก็เป็นธรรมดา แม้โจรก็เป็นธรรม คือแม้กิเลสก็เป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นการจะชนะโจร ไม่ให้โจรปล้น หรือจะฆ่าโจร จะต้องรู้จักโจรตามความเป็นจริง เมื่อรู้จักโจรจริงๆ ย่อมสามารถที่จะฆ่าโจรและป้องกันไม่ให้โจรปล้นได้

ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงหนทางการพ้นจากถูกปล้นจากคุณความดีและการฆ่าโจร คือการเจริญสติปัฏฐาน มีสติเป็นผู้อารักขา โจร โดยไม่ให้โจรได้ช่อง คือเกิดปัญญา ความเข้าใจถูก ในขณะนั้น โจรย่อมไม่ได้ช่อง ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และย่อมสามารถพ้นจากการถูกปล้น ด้วยการรู้จักโจรว่าเป็นธรรม รู้จักความจริงที่เกิดขึ้น ย่อมค่อยๆ ละบริวาร คือโจร และฆ่าหัวหน้าโจรได้ในที่สุด ครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 26

อธิบายว่า รักษาด้วยการอารักขา มีสติเป็นเบื้องหน้า คือ อันดับแรก รักษาโดยชอบซึ่งอินทรีย์ทั้งหลาย ด้วยโยนิโสมนสิการ ปิดกั้นอินทรีย์เหล่านั้นไว้ โดยประการที่ โจร คืออกุศล ไม่เข้าทางทวารนั้นๆ ปล้นทรัพย์ คือกุศลในจิตสันดาน.

ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ที่ถูกโจรล้อมไว้รอบด้าน ทางที่หนีมีอยู่แต่ไม่ไปตามทางนั้น นั่นไม่ใช่ความผิดของทางแต่เป็นความผิดของผู้นั้นเอง เมื่อพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ยังมีอยู่ในโลก เมื่อถูกหมู่กิเลสเกิดขึ้น ปล้นรัตนะ และฆ่าคุณความดีประการต่างๆ และย่อมจะทำให้ไปสู่อบายภูมิ เพราะอาศัยกิเลสเกิดขึ้น เมื่อยังมีพระธรรมที่ถูกต้องที่เป็นทางที่ดีมีอยู่ ควรที่จะเป็นผู้ขวนขวาย อบรมปัญญา เพื่อละกิเลส คือหมู่โจรได้ในอนาคต ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา


ความคิดเห็น 3    โดย nong  วันที่ 6 พ.ย. 2555

ชัดเจนมากค่ะ ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย เมตตา  วันที่ 6 พ.ย. 2555

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงที่เป็นชีวิตจริงๆ ว่า เพราะมีความไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง หลังเห็น หลังได้ยิน จึงเป็นอกุศลตามการสะสม ในชีวิตแต่ละวัน อกุศลจึงเกิดมาก โอกาสของกุศลเกิดได้น้อยมาก ถูกโจรปล้นเสียซึ่งคุณความดีก็ยังไม่รู้ เป็นผู้มึดบอด จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม อบรมเจริญความเข้าใจถูก เห็นถูกในสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง ขณะที่รู้ตามความเป็นจริง อกุศลก็เกิดไม่ได้ ปัญญาเท่านั้นที่จะกำจัดโจรปล้นแก้ว โจรผู้ปล้นเสียซึ่งคุณงามความดี

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ. คำปั่น และ อ. ผเดิม ด้วยค่ะ

กราบอนุโมทนาในคุณงามความดีของพี่แก้วตา ที่เพียรอบรมเจริญอย่างสม่ำเสมอ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน


ความคิดเห็น 5    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 6 พ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

" ... กุศลธรรม ทั้งหลาย เป็นเช่นนั้น คือ เป็นโจรที่คอยดักปล้นกุศล เพราะในขณะที่ กุศลเกิด กุศลก็จะเกิดไม่ได้ ทำให้ห่างเหินจากพระธรรมอันเป็นรัตนะที่ประเสริฐ ... "

" ... กว่าจะฆ่าโจรได้ จะต้องอบรมปัญญาอย่างยาวนาน โดยอาศัย หมู่อำมาตย์และกองทัพ คือ กองทัพกุศลธรรม มีปัญญานำหน้า ซึ่งก็จะต้องอาศัยพระราชาออกคำสั่ง คือ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงดีแล้ว ซึ่งหนทางการฆ่าโจร ... "

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 7 พ.ย. 2555

โจรปล้นแก้วอีกนัยหนึ่ง หมายถึงผู้อาศัยพระรัตนตรัยเพื่อลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ทำลาย เพื่อนพรหมจรรย์ ... กล่าวบิดเบือนพระธรรม. เป็นต้น.

อ้างข้อความใน

... มหาโจร ๕ จำพวก [มหาวิภังค์] ... ยอดมหาโจร

... ภิกษุผู้ทุศีลท่านประสงค์เอาว่า เป็นโจร.

... ใช่ไหมคะ


ความคิดเห็น 7    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 7 พ.ย. 2555

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 9

อนึ่ง บุรุษพาเอาแก้วนานาชนิดเดินทางไปพร้อมกับโจร จึงละทิ้งพวกโจรเหล่านั้นเสีย เพราะกลัวจะเสียแก้วของตน ถือเอาทางที่ปลอดภัย ฉันใด กรชกาย (กายที่เกิดจากธุลี) แม้นี้ ก็ฉันนั้นอเป็นเช่นกับ โจรปล้นแก้ว ถ้าเราจักก่อตัณหาขึ้นในกายนี้ แก้ว คือพระธรรมอันเป็นกุศล คืออริยมรรคจะสูญเสียไป เพราะฉะนั้น ควรที่เราจะละทิ้งกายอันเช่นกับโจรนี้เสีย แล้วเข้าไปสู่นิพพานนคร ดังนี้

ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย kinder  วันที่ 8 พ.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย wannee.s  วันที่ 8 พ.ย. 2555

ถ้าใครสนใจฟังธรรมะ แล้วไปห้ามไม่ให้เขามาฟังธรรมะ ขณะนั้นก็เปรียบเหมือนโจรที่ปล้นกุศล ปล้นอริยทรัพย์เขา ในพระไตรปิฎกมีแสดงไว้ เช่น น้องชายท่านพระสารีบุตรจะบวช แม่ไม่อยากให้บวช น้องชายท่านพระสารีบุตรบอกว่า โจรปล้นแล้ว แต่ภายหลังท่านก็ได้บวช และบรรลุเป็นพระอรหันต์ ค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย pamali  วันที่ 13 พ.ย. 2555
กราบอนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 11    โดย orawan.c  วันที่ 9 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 12 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ