[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 151 -152
ในบทว่า อาสวาน นั้น ที่ชื่อว่า อาสวะ เพราะอรรถว่า ไหลไป ท่านอธิบายว่า อาสวะเหล่านั้นย่อมไหลไป คือ ไหลออกทางจักษุบ้าง ฯลฯ ทางใจบ้าง ดังนี้. อีกอย่างหนึ่ง อาสวะเหล่านั้น เมื่อว่าโดยธรรม ย่อมไหลไปจนถึงโคตรภู. เมื่อว่าโดยโอกาสโลก ย่อมไหลไปจนถึงภวัคคพรหม. เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า อาสวะ. อธิบายว่า อาสวะเหล่านั้นทำธรรมเหล่านั้นและโอกาสนั้นไว้ภายใน (อำนาจ) แล้วเป็นไป. จริงอยู่ อา อักษรนี้มีความหมายว่า ทำไว้ใน ภายใน. ที่ชื่อว่า อาสวะ. เพราะเป็นเหมือนของหมักดอง มีน้ำเมา เป็นต้น โดยความหมายว่า หมักอยู่นาน ดังนี้บ้าง. ความจริง ในทางโลก น้ำเมาที่หมักไว้นาน เขาก็เรียกว่า อาสวะ ดังนี้. ก็ถ้าน้ำเมา เป็นต้น เรียกว่า อาสวะ ได้ เพราะความหมายว่า หมักไว้นานไซร้ กิเลสเหล่านี้ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน. สมจริงดังที่ตรัสไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นของอวิชชา ไม่ปรากฏ (คือไม่ปรากฏว่า) ในกาลก่อนแต่นี้ มิได้มีอวิชชา ดังนี้.
อีกอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่า อาสวะ เพราะอรรถว่า ไหลไป คือไหลออกไปสู่สังสารทุกข์ ต่อไป ดังนี้บ้าง. ก็คำอธิบาย คำแรกๆ ในรูปวิเคราะห์เหล่านี้ ย่อมใช้ในที่ที่ กิเลสทั้งหลายมาโดยชื่อว่า อาสวะ (ส่วน) คำอธิบายคำหลัง ใช้ในกรรมก็ได้. ก็ไม่ใช่เพียงแต่กรรมกิเลสอย่างเดียวเท่านั้น ที่เป็นอาสวะ โดยที่แท้แล แม้อุปัทวะนานัปการ ก็ชื่อว่า อาสวะได้ (เหมือนกัน) . ความจริง ในพระสูตรทั้งหลาย กิเลสทั้งหลายซึ่งเป็นมูลเหตุให้ก่อการทะเลาะวิวาทก็มาโดยชื่อว่า อาสวะ ในคำนี้ว่า จุนทะ เราไม่แสดงธรรมเพื่อการสังวรระวังเหล่าอาสวะอันเป็นไปในทิฏฐธรรมเท่านั้น ดังนี้. กรรมอันเป็นไปในภูมิ ๓ และเหล่าอกุศลธรรมที่เหลือทั้งหลาย ก็ชื่อว่า อาสวะ ในคำนี้ว่า
อาสวะทั้งหลายของเราที่เป็นเหตุให้เข้าถึงความเป็นเทพหรือคนธรรพ์ ที่เหาะเหินได้ และเป็นเหตุให้เราพึงไปสู่ความเป็นยักษ์ ความเป็นมนุษย์ และพึงไปสู่อัณฑชกำเนิด สิ้นไปแล้ว อันเราขจัดแล้ว ทำให้พินาศแล้ว ดังนี้.
การเข้าไปว่าร้ายผู้อื่น ความเดือดร้อน การฆ่า และการจองจำ เป็นต้น และอุปัทวะนานัปการที่เป็นเหตุให้สัตว์เสวยทุกข์ในอบาย ก็ชื่อว่า อาสวะ. (เช่น) ในประโยคนี้ว่า (เราตถาคตจะ แสดงธรรม) เพื่อระมัดระวังอาสวะอันเป็นไปในทิฏฐธรรม (และ) เพื่อบำบัดอาสวะอันเป็นไปในสัมปรายภพ ดังนี้.
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนากุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ
ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี (ใหญ่ราชบุรี)
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น