อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของกรรม เป็นมงคลตื่นข่าวค่ะ ให้เชื่อกรรมและผลของกรรม ถ้าทำ
เหตุดีผลต้องดีแน่นอน กุศลให้ผลเป็นสุข ให้ความไม่มีโทษ ให้ความไม่มีโรคคือกิเลส
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผลดีและผลร้ายย่อมเกิดจากเหตุที่ดีและเหตุที่ไม่ดี อะไรคือเหตุดีและไม่ดี
กุศลกรรมคือเหตุดี อกุศลกรรมคือเหตุที่ไม่ดี การเห็นดวงดาวหรือเห็นสิ่งต่างๆ
ที่ คิดว่าเป็นมงคลหรือลางร้ายก็ต้องเพราะมีจิตเห็นเกิดขึ้น จึงจะเห็นเป็นสิ่ง
ต่างๆ ได้ ดังนั้นสิ่งที่เห็นเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง คือ สี (สิ่งที่ปรากฏทางตา)
เป็นรูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร เมื่อเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร จะมี
อิทธิพลหรือเป็นเหตุให้เกิดจิตชาติวิบากที่เป็นผลของกรรม (ผลดีหรือไม่ดี) ไม่-
ได้เลย รวมทั้งจิตเห็นที่เกิดขึ้น ก็ทำหน้าที่เห็นเท่านั้นเป็นผลของกรรม (วิบาก) ไม่ใช่เหตุที่จะให้เกิดผลที่ดีและไม่ดี เหตุย่อมตรงกับผลครับ พระพุทธศาสนา
จึงแสดงความจริงว่าอะไรคือเหตุ (กุศลหรืออกุศล) อะไรคือผล (วิบาก) ตามความเป็นจริง ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ถีงจะเป็นมงคลตื่นข่าว แต่ก็มี่คนจำนวนมากเชื่อว่า อกุศลหรือกุศลกำลังจะให้
ผลเพราะเป็นลางบอกตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งมีมาก่อนพุทธการจนถึงทุกวันนี้ก็ยัง
นิยมอยู่ด้วยคนประมานครึ่งโลกหรือมากกว่า การที่เชื่อว่าอกุศลและกุศลกำลังจะให้ผล
ก็เป็นไปตามทางพุทธอยู่แล้วแต่ถึงกับจะต้องไปสวดมนต์หรือทำอะไรก็เป็นเรืองงมงาย
พุทธศาสนาสอนให้เชื่อในเหตุและผลดีที่สุดดรับ
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรม ก็เพื่อให้พุทธบริษัทมีความเข้าใจถูก เห็นถูกซึ่งเป็นปัญญาของตนเอง ดังนั้น ผู้ที่เป็นพุทธบริษัท ต้องไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว (ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ จะช่วยอะไรหรือจะทำอะไรได้) แต่จะต้องเป็นผู้มีความมั่นคงที่จะรู้ว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน เราจะไปให้กรรมกับคนอื่น หรือ ให้ผลกับคนอื่นก็ไม่ได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับบุคคลแต่ละบุคคล ก็เพราะเหตุที่ได้กระทำมาแล้ว
(เหตุย่อมสมควรแก่ผล) การที่ชีวิตของแต่ละบุคคลต้องประสบกับขึ้นๆ ลงๆ ทุกข์บ้างสุขบ้าง นั้น ก็มาจากเหตุคือกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ไม่ใช่คนอื่นทำให้ การเกิดมาในโลกนี้ก็เกิดมาเพราะกรรมของตน เมื่อเกิดมาแล้ว ชีวิตจึงมีอยู่สองส่วนด้วยกันคือ ส่วนหนึ่งเป็นผลของกรรม และอีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนของการที่จะสั่งสมกรรมที่จะทำให้เกิดผลข้างหน้า ผู้ที่เข้าใจ ก็สามารถที่จะพิจารณาตามได้ว่า พึงสั่งสมกรรมที่ดีงาม
เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเป็นผู้ที่เข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรมแล้ว จะเป็นเครื่องเตือนให้ไม่ประมาทในการเนินชีวิต ไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ พร้อมทั้งการอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ด้วย จึงค่อยๆ สั่งสมความเข้าใจธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย (ชีวิตของบุคคลผู้มีความเห็นถูกจะคิด ทำ สั่งสมแต่สิ่งที่ดีงาม) ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ...
สาธุ
อ้างอิงบางส่วนจากความคิดเห็นที่ 6 โดย คุณ khampan.a
การที่ชีวิตของแต่ละบุคคลต้องประสบกับขึ้นๆ ลงๆ ทุกข์บ้างสุขบ้าง นั้น ก็มาจากเหตุคือกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ไม่ใช่คนอื่นทำให้
* * * * *
สะสมเหตุดี ผลย่อมดี แต่เพราะต่างคนต่างสะสมมามากในกรรมทั้งสองฝ่าย
ฉะนั้นจึงต้องมั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม ขออนุโมทนาคุณคำปั่น
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ