ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.
การสนทนาธรรมที่ วัดดงเทวี อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่.โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
เวลาที่สติปัฏฐานเกิด คือ "เป็นปกติ" บางทีท่านก็ใช้คำหลายคำเพื่ออนุเคราะห์ให้เรา "เข้าใจถูกต้อง" เช่น คำว่า "อนุปัสสนา" อนุ แปลว่า ตาม เห็นตาม ไม่ใช่การไปทำขึ้นมา สภาพธรรมขณะนี้ มีปรากฏเห็นตามความจริงของสภาพธรรม ขณะที่เกิดแล้วปรากฏ เพราะฉะนั้นไม่มีเราที่พยายามไปสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่เป็นการระลึกลักษณะที่กำลังมีตามปกติ
แต่ต้องรู้ว่าสภาพธรรมทุกอย่าง จะมีจริงเมื่อปรากฏ ปรากฏเมื่อเกิด ถ้าคิดพิจารณาให้ลึกซึ้งจะเข้าใจว่า เมื่อกี้นี้ ไม่มี ต้องมีขณะที่สภาพธรรมนั้นๆ ไม่ปรากฏแล้วเกิดปรากฏขึ้น ปรากฏแล้วก็ดับไปทันที
ถ้าศึกษาต่อไปแล้วพิจารณาถึง "ขณะที่ไม่มี" เช่น "ขณะที่เป็นภวังค์" ตอนหลับ จะเห็นได้ชัดกว่าตอนนี้ เพราะว่าตอนหลับสนิทสภาพธรรมใดๆ ไม่ปรากฏเลย มีปรากฏทันทีเมื่อตื่น ถ้า "เป็นเรา" ที่รู้สิ่งที่ปรากฏในชีวิตประจำวันก็ไม่น่าอัศจรรย์เลย
แต่หากมีการพิจารณาว่าเป็น "ธาตุ" เป็น "ธรรม" ตัวอย่างเช่น "เสียง" เป็นธาตุ เป็นธรรม มีจริงๆ มีลักษณะดังและกระทบกับโสตประสาท เสียงมีได้อย่างไร แค่นี้ก็อัศจรรย์แล้วจากการที่ไม่มีเสียงเลย แล้วมีเสียง "ตัวเสียง" เองก็เกิดจากการกระทบกันของสิ่งที่แข็ง ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่ไหนๆ ก็ตาม เมื่อเสียงนั้นมีเหตุปัจจัยให้เกิดก็เกิด เกิดแล้วก็ดับไปทันที ถ้า "จิตไม่รู้" เสียงนั้น เสียงนั้นเกิดแล้วดับแล้ว และไม่มีความหมาย ไม่มีความสำคัญอะไรเลย
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่ ครูบาอาจารย์และสรรพสัตว์
สาธุ
"แต่ต้องรู้ว่า สภาพธรรมทุกอย่าง จะมีจริง เมื่อปรากฏ ปรากฏ เมื่อเกิด"
นี่เป็นประเด็นหนึ่งซึ่งหากท่านอาจารย์สุจินต์ฯ ไม่ได้กรุณาแสดงไว้อย่างชัดเจนและอธิบายโดยละเอียด ก็อาจทำให้เกิดความสับสนในใจของผู้ศึกษาพระธรรม หรืออาจเป็นเหตุให้ไม่สามารถหาข้อยุติในการสนทนาระหว่างผู้ศึกษาด้วยกัน
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ขออนุโมทนาค่ะ ...
ปัญหาคือไม่ทันขณะปรากฏครับ
บางสำนักก็ไปทำให้ กริยา อาการ ให้ช้าลงครับ
ขณะนี้สภาพธรรมกำลังปรากฏครับ ทำไมจึงบอกว่าไม่ทัน
จริงๆ แล้วควรจะบอกว่า ยังไม่เข้าใจมากกว่านะครับ
ต้องอบรมปัญญาด้วยการฟังจนกว่าจะเข้าใจจริงๆ ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะค่ะ ถ้าปัญญายังไม่เกิด ก็ไม่ทันอวิชชา ค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ