พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑
[๗๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมญาติมีประมาณน้อยความเสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย. [๗๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยญาติมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญด้วยปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้แล. [๗๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมแห่งโภคะมีประมาณ น้อย ความเสื่อมแห่งปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าควานเสื่อมทั้งหลาย. [๘๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยโภคะมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้แล.
[๘๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมยศมีประมาณน้อยความเสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย.
ขออนุโมทนา
ความเสื่อมแห่งปัญญานี้เองที่กำลังแสดงผลให้เห็นถึงความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยในขณะนี้ สมดังพระพุทธดำรัสที่ว่า "ความเสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุด" บุคคลเมื่อเข้าใจชัดแล้ว ย่อมมั่นคงขึ้นในอันที่จะพากเพียรอบรมเจริญปัญญาให้ยิ่งขึ้นต่อไป และเห็นโทษภัยอันแท้จริงของความเสื่อมปัญญาว่าชั่วร้ายที่สุดจริงๆ
อนุโมทนาค่ะ
เจริญอะไรดีกว่า...นี่คือสัจจะ