แปลว่าคิด หรือเปล่าครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โยนิโสมนสิการ ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ซึ่งองค์ธรรม คือ มนสิการเจตสิก หากเป็นการใส่ใจด้วยดีที่เกิดกับจิตที่ดี ก็เป็นโยนิโสมนสิการ ส่วนการใส่ใจไม่ดี คือ เกิดกับอกุศลจิต ก็เป็นอโยนิโสมนสิการ ซึ่งขณะที่เป็นโยนิโสมนสิการ คือ ขณะที่จิตที่ดีเกิดขึ้น มีกุศลจิต เป็นต้น มีโยนิโสมนสิการแล้ว โดยไม่มีเราที่จะไปโยนิโส ไปทำโยนิโสมนสิการ แต่เมื่อใดกุศลจิตเกิด แสดงแล้วว่ามีโยนิโสมนสิการ หากไม่ใส่ใจด้วยดี กุศลจิตก็เกิดไม่ได้
โดยนัยตรงกันข้าม ขณะที่อกุศลจิตเกิด ไม่ได้คิดเลยว่า จะทำอโยนิโส แต่อโยนิโสมนสิการก็เกิดแล้ว แสดงถึงการทำหน้าที่ของธรรมและเป็นอนัตตา ที่บังคับบัญชาไม่ได้เลย ครับ
ส่วนการคิดเหตุผลทางโลก ที่เป็นเหตุผลทางโลก เช่น นักวิทยาศาสตร์ หากไม่ใช่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา แม้จะคิดด้วยความละเอียด แต่ก็เป็นความละเอียดที่อาศัย วิตก และ มนสิการ ที่เกิดกับอกุศลจิต มีโลภะ เป็นต้น ไม่ใช่ โยนิโสมนสิการ เลย แต่เป็นอโยนิโสมนสิการ และเจตสิกอื่นๆ ทำให้คิดไปในเรื่องราวต่างๆ ที่ได้สะสมมาในเรื่องราวนั้นอย่างชำนาญครับ เพราะหากเป็นโยนิโสมนสิการจริง นักวิทยาศาสตร์ก็จะต้องเกิดกุศลจิตมาก โดยไม่มีปัญญาทางธรรมที่เป็นเหตุให้กุศลเจริญเลย ครับ
ซึ่งชาวโลกที่สะสม อโยนิโสมนสิการ มาก ก็เท่ากับอกุศลมาก ก็เป็นปัจจัยให้เกิดโยนิโสมนสิการได้ยาก คือ เกิดกุศลได้ยาก ครับ
แต่ถ้าแม้สะสมอโยนิโสมนสิการมาก ในทางโลก คือ ทำกิจการงานต่างๆ แต่ถ้าได้สะสมการฟัง ศึกษาพระธรรมที่เป็นกุศลธรรม ก็เกิดโยนิโสมนสิการด้วย และที่สำคัญ เกิดปัญญา ความเข้าใจถูกก็ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดโยนิโสมนสิการได้ด้วยเช่นกัน ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเป็นจริงของสภาพธรรมไม่เคยเปลี่ยน เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ที่พอจะเข้าใจ คือ ขณะที่อกุศลเกิดขึ้นเป็นไป นั้น เป็นอโยนิโสมนสิการ แต่ถ้ากุศลจิตเกิดขึ้นเป็นไป ไม่ว่าจะเป็นกุศลในระดับใดก็ตาม ขณะนั้น ก็เป็นโยนิโสมนสิการ เป็นความแยบคายด้วยกุศลธรรม ถ้าคิดดี ก็เป็นโยนิโสมนสิการ เป็นธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ครับ
...ยินดีความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาในกุศลค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ