ในสมัยพุทธกาลบุคคลที่บรรลุอรหันต์ในขณะที่เป็นฆราวาสจะต้องบวชในเจ็ดไม่เช่นนั้นจะเสียชีวิตเพราะเหตุใด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับในภพภูมิมนุษย์ ผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์ หากไม่บวชในวันนั้นก็ต้องปรินิพพานในวันนั้นเลยครับ แต่ถ้าจะมีชีวิตดำรงต่อไปได้ ก็ด้วยการบวชเป็นเพศบรรพชิตครับในวันนั้นครับ ซึ่งตัวอย่างของบุคคลที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์ เช่น ท่านสันตติมหาอำมาตย์ แต่ท่านไม่บวชในวันนั้น ท่านก็ปรินิพพานในวันนั้นนั่นเองครับ
ซึ่งเหตุผลดังนี้ครับ การบรรลุเป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์เป็นคุณธรรมที่สูงสุุด ดังนั้น เพศที่รองรับคุณธรรมก็ต้องเหมาะกับการรองรับคุณธรรมนี้ คือเพศบรรพชิตในภพภูมิมนุษย์ครับ
ส่วนเพศฆราวาสเป็นเพศที่ต่ำ ไม่สามารถรองรับคุณธรรมคือความเป็นพระอรหันต์ได้ครับ เปรียบเหมือนว่า หญ้า ไม่สามารถรองรับก้อนหินใหญ่ได้ฉันใด แม้เพศคฤหัสถ์ก็ไม่สามารถรองรับคุณธรรมคือความเป็นพระอรหันต์ได้ เปรียบเหมือนคนที่มีบุญน้อยแต่ได้ปราบดาได้เป็นกษัตริย์ เพราะความที่ตนมีบุญน้อย ไม่มีความสามารถ ก็ไม่สามารถปกครองราชสมบัติและเกิดความเดือดร้อนตามมามากมาย จะโทษสมบัติก็ไม่ได้ ต้องโทษความที่ตนมีบุญน้อย ฉันใด ผู้ที่มีเพศต่ำคือคฤหัสถ์ไม่สามารถรองรับคุณธรรมคือความเป็นพระอรหันต์ หากไม่บวชก็ต้องปรินิพพานในวันนั้น จะโทษความเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะเพศนั้นคือเป็นเพศคฤหัสถ์ไม่เพียงพอที่จะรองรับคุณธรรมขั้นสูงได้ครับ
ดังนั้นผู้ที่ไม่บวชเมื่อเป็นมนุษย์แล้วย่อมปรินิพพานในวันนั้น แต่ถ้าบวชก็สามารถดำรง มีชีวิตอยู่ได้เพราะเพศบรรพชิต สามารถดำรงคุณธรรมความเป็นพระอรหันต์ได้ครับ ซึ่งตัวอย่างผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศฆราวาสแล้วไม่ได้บวชปรินิพพาน ในวันนั้นก็เป็นท่านสันตติมหาอำมาตย์ ส่วนผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศฆราวาสแล้วบวช สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น พระภัททชิเถระครับ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ
ฆราวาสได้เป็นพระอรหัตหากไม่บวชต้องเข้าสู่พระนิพพาน [มิลินทปัญหา]
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 445
บทว่า นตฺถิ โข วจฺฉ ดูก่อนวัจฉะ ไม่มีเลย คือ ผู้ยังไม่ละคิหิสังโยชน์ ชื่อว่าจะทำที่สุดทุกข์ย่อมไม่มี.แม้บุคคลเหล่าใดดำรงเพศคฤหัสถ์คือ สันตติมหาอำมาตย์ อุคคเสนะ เศรษฐีบุตร วีตโสกธารกะ ก็บรรลุพระอรหัตได้. แม้บุคคลเหล่านั้น ก็ยังความใคร่ในสังขารทั้งปวงให้แห้งไปด้วยมรรคแล้วบรรลุได้. แต่เมื่อบรรลุแล้วก็ไม่ตั้งอยู่ด้วยเพศนั้น. ชื่อว่าเพศคฤหัสถ์นี้เลว ไม่สามารถทรงคุณอันสูงสุดไว้ได้. เพราะฉะนั้น ผู้ตั้งอยู่ในเพศคฤหัสถ์นั้นบรรลุพระอรหัตแล้วย่อมบวช หรือปรินิพพานในวันนั้นเอง
สำหรับพระอรหันต์สามารถอยู่ในเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาได้ แต่เป็นเทวดาภาคพื้นที่เป็นภุมมเทวดา เช่น มีวิมานอยู่ในต้นไม้ เพราะมีที่หลีกเร้นได้ของพระอรหันต์ครับ แต่เทวโลกชั้นอื่นย่อมไม่สมควรกับพระอรหันต์และไม่มีที่หลีกเร้นอันสมควร และเต็มไปด้วยการละเล่น เป็นต้น ส่วนพรหมโลกก็มีพระอรหันต์ได้ครับ ยกเว้น อสัญญสัตตาพรหมครับ
ขออนุโมทนา
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 445
ผู้ตั้งอยู่ในเพศคฤหัสถ์นั้นบรรลุพระอรหัตแล้วย่อมบวช หรือปรินิพพานในวันนั้นเอง แต่ภุมมเทวดายังดำรงอยู่ได้. เพราะเหตุไร. เพราะมีโอกาสที่จะแฝงตัวอยู่ได้. ในกามภพที่เหลือ พระอริยบุคคล ๓ จำพวกมีพระโสดาบันเป็นต้น ยังดำรงอยู่ได้ในมนุษยโลก. ในกามาวจรเทวโลก พระโสดาบันและพระสกทาคามียังดำรงอยู่ได้. แต่พระอนาคามีและพระขีณาสพจะดำรงอยู่ในกามาวจรเทวโลกนี้ไม่ได้. เพราะเหตุไร. เพราะที่นั้นมิใช่เป็นที่อยู่ของชนผู้ละอายแล้ว และที่นั้นมิใช่เป็นที่ปกปิดที่สมควรแก่วิเวกของพระขีณาสพเหล่านั้น.
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง เป็นผู้ทำลายข้าศึก คือกิเลสได้หมดสิ้น เป็นผู้ไม่มีภพใหม่อีกต่อไป หลังจากที่ดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก จึงเป็นผู้ดับวัฏฏะได้อย่างเด็ดขาด, การบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันบุคคล ถึง ความเป็นพระอรหันต์นั้น ต้องเป็นผู้ที่สะสมอบรมเจริญปัญญา สะสมการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และต้องเป็นผู้ดำเนินตามทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ คือ การอบรมเจริญอริยมรรค ถ้าไม่มีปัญญาแล้วก็ไม่สามารถบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้เลย เมื่อได้ศึกษาพระธรรมทางพระพุทธศาสนา ก็จะพบข้อความที่แสดงถึงการบรรลุเป็นพระอรหันต์ ว่า เมื่อได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเพศคฤหัสถ์แล้ว จะต้องบวชในวันนั้น (ไม่ใช่ ๗ วัน) เมื่อไม่ได้บวชก็จะต้องปรินิพพานในวันนั้น เพราะเพศคฤหัสถ์ไม่สามารถรองรับคุณธรรมอันสูงยิ่งนี้ไว้ได้
จะเห็นได้ว่าในสมัยพุทธกาล ท่านพระยสกุลบุตร เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า ท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์ ในขณะที่เป็นคฤหัสถ์ และได้อุปสมบทในวันนั้น เมื่อกล่าวโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน มีแต่ธรรมเท่านั้น แม้แต่ความเป็นอรหันต์ ก็เพราะมีความเจริญขึ้นของปัญญาจนกระทั่งถึงขณะที่อรหัตตมัคคจิตเกิดขึ้นดับไป แล้วเป็นปัจจัยให้อรหัตตผลจิตเกิดขึ้น สามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างไม่มีเหลือ เมื่อได้บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ความเป็นไปของท่านก็ดำเนินไปตามปกติของผู้ที่เป็นพระอรหันต์ ในเพศที่รองรับคุณธรรมอันสูงยิ่งได้ แต่ไม่มีจิตและเจตสิกที่เป็นไปกับด้วยกิเลสเกิดขึ้นอีกเลย จนกว่าจะถึงการดับขันธปรินิพพาน เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ก็ไม่มีปัจจัยที่จะให้ขันธ์หรือสภาพธรรมใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ชัดเจนค่ะ ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ