คือตอนนี้แม่อายุเก้าสิบแล้ว หมอบอกว่าเป็นมะเร็งที่ไต แต่แม่ยังไม่รู้ว่าเป็น หมอแนะนำให้บอกแม่ให้รู้ แต่ส่วนตัวไม่อยากบอกเพราะแม่เป็นคนขี้กลัว กลัวว่าบอกแล้วจะยิ่งทรุดครับ อยากทราบความเห็นว่าควรบอกหรือไม่บอกดีครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจแทน เพียงแต่แนะนำตามการะสสมของแต่ะคนที่มีความคิดไม่เหมือนกัน และ เมื่อถึงเวลาพร้อมก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยว่าจะบอก หรือไม่บอก ครับ ซึ่งสำหรับส่วนตัวแล้ว ก็คงจะบอก แต่จะต้องบอกว่า เป็น แต่ มีวิธีการรักษา และสามารถหายได้ หากไม่บอก เมื่อพาไปรักษา สุดท้าย ท่านก็ต้องทราบอยู่ดี ว่าท่านเป็น เพราะวิธีการรักษาโรคมะเร็งก็มีเฉพาะในกรณีสำหรับแพทย์ปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ก็ควรบอก หาเวลาโอกาสเหมาะสม พร้อมทั้งเตรียมการอธิบาย วิธีการรักษาและบอกว่าสามารถรักษาให้หายได้ โดยให้ผู้เป็นบุตรสอบถามจากแพทย์ว่าวิธีการรักษาเป็นเช่นไร และ อธิบายคุณแม่ฟัง ครับ
การเจ็บปวย จึงเปนเครื่องเตือน หรือ เรียกวา เปนเทวทูต ใหเห็นวา เปนเพราะอกุศลกรรมที่ไดทํา จึงพิจารณาวา ไมควรกระทําอกุศล อันเปนธรรมที่มีโทษ นํามาซึ่งสิ่งที่ไมดีทั้งปวง มีความเจ็บปวย เปนตน จึงคอยๆ เห็นโทษและลดละที่จะทําอกุศล และเห็นประโยชนของการเจริญกุศล เพื่อจะสะสมไปในภายภาคหนา อันนําความสุขมาให และที่สําคัญ ปญญาเทานั้นที่ประเสริฐสุด จึงควรแบงเวลาในการฟงพระธรรมในบางโอกาสครับ ที่สําคัญที่สุดโชคดีแลวที่ไดเกิดเปนมนุษยพบพระพุทธศาสนา มีโอกาสฟงพระธรรมก็เปนขณะที่ประเสริฐแลว และขณะนี้ก็ยังมีชีวิตอยูชีวิตที่เหลือ ไมวาจะนอยหรือมากประการใด ก็ควรทําใหดีที่สุด คือ สะสมความดี เทาที่ทําได โดยเฉพาะ ฟงพระธรรม ครับ ก็มี ปญญา ความเขาใจที่เกิดขึ้นของคุณจะเปนกําลังใจที่ดีของคุณเอง และมารดา ครับ ขออนุโมทนาที่รวมสนทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ควรที่จะบอก ในเวลาอันควร พร้อมกับกล่าวถึงสัจจธรรม ความจริง ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ในเรื่องของความเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา บางทีเราอาจจะคิดไปว่า คุณแม่จะรับไม่ได้ คิดไปต่างๆ นานา แต่ก็ไม่ใช่ความคิดของคุณแม่ เพราะเป็นความคิดของเรา บางทีท่านอาจจะมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าเราก็ได้ ดังนั้น ก็ควรที่จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด รักษาท่านให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ต้องไม่ลืมว่าการเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เป็นผลของกรรม ซึ่งไม่มีผู้ใดจะบังคับได้เลย วันนี้แข็งแรงดี พรุ่งนี้อาจจะเจ็บป่วยก็ได้ ผู้ที่เข้าใจความจริง เมื่อความเจ็บไข้ได้ป่วยเบียดเบียนท่าน ท่านก็คิดว่า เป็นเวลาที่เราจะได้ไม่ประมาท ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าชีวิตจะเป็นไปอีกเท่าใด ดีที่สุดแล้วคือไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา และไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกๆ ประการต่อไป ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
หมอบอกให้บอกก็บอกตามที่หมอแนะนำ และ ปลอบใจแม่ว่าหายได้ ค่ะ
บอกในสิ่งที่จริง บอกในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในเวลาอันเหมาะควร ถ้าเราเป็นผู้ที่ตรงและชอบฟังความจริง ไม่ชอบความเท็จ ผู้อื่นก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่ที่สุดของความจริง คือพระธรรม ที่สุดของประโยชน์คือ พระธรรม และความเข้าใจถูกของท่านผู้นั้นเอง การเกื้อกูลบุพการีที่แท้คือให้ท่านได้ฟังธรรมเข้าใจ และมีปัญญาของท่านเอง แล้วท่านจะเข้าใจทุกข์ ไม่เพลินสุข ไม่กลัวตาย แท้จริงแล้วเป็นการกรุณาตัวเราเอง เพราะกลัวว่าบอกไปแล้วท่านจะทรุดขณะนั้นเราเองที่กลัว เราเองที่ทุกข์ ควรเจริญกุศลในทุกกุศล เพราะกุศลไม่ทำร้ายใครเลย การเจ็บปวด ป่วยใข้ล้วนเป็นวิบากที่ต้องได้รับเป็นธรรมดา แก้วกระเบื้องเมื่อตกก็ต้องแตก ดอกไม้เมื่อผลิบานก็ต้องร่วงโรยเป็นธรรมดา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เคยผ่านเหตุการณ์นี้ ตอนพาแม่ตรวจชิ้นเนื้อ วันฟังผล พาแม่รอหน้าห้องหมอ ระหว่างลูกติดต่อเอกสาร หันมาอีกทีแม่ปร๋อเข้าไปฟังหมอเรียบร้อย แม่เข้มแข็ง และเตรียมพร้อมกว่า ด้วยวัยวุฒิ และอาจเพราะแม่ฟังเทปท่านอ.สุจินต์มาตลอด วินาทีนั้นๆ แม่ผ่านได้ดีมากๆ กับมะเร็งร้าย แม้กระทั่งวันหมดลม มีสติและสงบ
อนุโมทนากับลูกทุกท่านที่ดูแลแม่จนถึงยามแก่ชราค่ะ