การเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียครั้งนี้เป็นครั้งแรก เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างยาวนานและลำบาก เพราะสถานที่แต่ละแห่งนั้นอยู่ไกลกันมาก ทำให้ย้อนระลึกถึงการเสด็จดำเนินไปในแต่ละที่ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่าจะยากลำบาก สักเพียงใด
พระองค์เป็นสุขุมาลชาติ แต่ยังทรงสามารถเสด็จดำเนินไปด้วย พระบาทเปล่า เสวยพระกระยาหารจากบิณฑบาตร ที่ไม่แม้แต่จะเคยเห็น ทรงเป็นผู้ที่มีน้ำพระทัยแน่วแน่ เด็ดเดี่ยวและมั่นคงจริงๆ ในพระมหากรุณาที่มีต่อสัตว์โลก การได้ไปนมัสการสถานที่ต่างๆ รวมทั้งพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ ทำให้ตถาคต โพธิศรัทธาที่มีอยู่แล้วแนบแน่นยิ่งขึ้น มีปัจจัยมากขึ้น ที่จะน้อมระลึกถึงพระพุทธคุณ เดินทางไปมาแล้วเกือบทุกทวีป แต่ไม่มีที่ใดเลยในโลก ที่จะให้ความงดงามแก่จิตใจได้เท่ากับสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นที่ที่ประเสริฐที่สุดแล้ว ที่เราและท่านทั้งหลายควร จะไปเมื่อมีโอกาส
ขออนุโมทนาสหายธรรมทุกท่าน ที่ได้เดินทางไปนมัสการด้วยศรัทธาค่ะ
สังเวชนียสถาน เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไปอีกกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ แม้ว่าจะลำบากหน่อย แต่ก็คุ้มกับการได้เห็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าและสาวกเคยอยู่ และเป็นสิ่งที่เตือนใจ ไม่ให้ เราประมาทในการเจริญกุศลยิ่งๆ ขึ้น โดยเฉพาะการอบรมปัญญาค่ะ (สติปัฏฐาน)
ขอบูชาคุณพระรัตนตรัย
ความอดทนของบุคคลผู้แสวงหาสัจจธรรมในสมัยพุทธกาล
[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 359
อรรถกถา ธาตุวิภังคสูตร
ได้ยินว่า กุลบุตร (พระเจ้าปุกกุสาติ) นั้นมีความคิดอย่างนี้ว่า พระศาสดาของเราเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ทรงบรรพชาพระองค์เดียวเสด็จ ไปพระองค์เดียว เราละอายต่อพระศาสดา ได้ยินว่า พระศาสดาของเราทรง บรรพชาแล้ว ไม่เสด็จขึ้นยาน และไม่ทรงสวมฉลองพระบาท โดยที่สุด แม้ชิ้นเดียวไม่ทรงกั้นร่มกระดาษ. มหาชนขึ้นต้นไม้กำแพงและป้อม เป็นต้น แลดูว่า พระราชาของเราเสด็จไปดังนี้. กุลบุตรคิดว่า เราเดินทางไกล ไม่อาจเพื่อจะไปทางหนึ่งได้ จึงเสด็จติดตามพ่อค้าพวกหนึ่ง. เมื่อกุลบุตรผู้สุขุมมาลไปในแผ่นดินที่ร้อนระอุ พื้นพระบาททั้งสองข้าง ก็กลัดหนองแตกเป็นแผล. ทุกข์เวทนาก็เกิดขึ้น
พระพุทธเจ้าผู้เป็นสุขุมาลชาติอย่างยิ่งทรงมีขันติในทุกสิ่งเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลก ให้บรรลุธรรม แม้สถานที่ที่จะไปโปรดก็ทรงมีขันติเพื่อให้พระเจ้าปุกกุสาติ บรรลุธรรม
[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 362
อรรถกถา ธาตุวิภังคสูตร
บทว่า นิสีทิ ความว่า พระโลกนาถทรงสุขุมาลชาติอย่างยิ่ง ทรงละพระคันธกุฏิ เป็นเช่นกับ เทพวิมาน ทรงปูลาดสันถัต คือ หญ้า ในศาลาช่างหม้อ ซึ่งมีขี้เถ้า เรี่ยราดไปทั่ว สกปรกด้วยภาชนะแตก หญ้าแห้ง ขี้ไก่ และขี้สุกรเป็นต้น เป็นเช่นกับที่ทิ้งขยะ ทรงปูปังสุกุลจีวรประทับนั่ง ดุจเสด็จเข้าพระมหาคันธกุฏิ อันมีกลิ่นทิพย์เช่นกับเทพวิมานแล้วประทับนั่งฉะนั้น. ด้วยประการฉะนี้
ในฐานะผู้ที่ไม่ได้ไปในครั้งนี้ (ตามเหตุปัจจัย) ขออนุโมทนา กับ ท่าน อ.สุจินต์ ด้วยเศียรเกล้า ที่ท่าน เป็นปัจจัย ให้ หลายท่าน ได้ไปนมัสการสังเวชนียสถาน ทั้งที่ไปครั้งแรกและหลายครั้ง และจะได้ไปในครั้งหน้า
ขออนุโมทนากับกุศลจิตของทุกท่านที่ได้ไปและไม่ได้ไป ครับ
ขออนุโมทนา
ชาติที่เกื้อกูลกันด้วยพระธรรมประเสริฐสุดครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
การไปครั้งนี้ก็ทำให้ศรัทธาเจริญขึ้น และมั่นคงในการที่จะอบรมเจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้น ต้องขออนุโมทนากับท่านอาจารย์สุจินต์ อาจารย์ดวงเดือน อาจารย์อรรณพ พล.ต. วีระ และผู้มีส่วนเกื้อกูลที่มิได้เอ่ยนาม พร้อมทั้งสหายธรรมที่ร่วมเดินทางทุกท่าน
อนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ